home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๑๕...
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชทานเลี้ยงอาหาร เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว กรมพระราชวังบวรก็ได้ทูลลากลับ รัชกาลที่๑มีอาการคล้ายดังคนเมาน้ำจัณฑ์ แม้จะดำเนินก็ไม่ตรงทาง จนนิลเนตรต้องเข้ามาช่วยประคองพาไปส่งถึงยังห้องบรรทมของพระองค์
เป็นยังไงบ้างเพคะ ไม่น่าดื่มจนเมาได้เลย นิลเนตรไม่อยากเชื่อจริงๆ
แค่นี้ไม่เมาดอก พวกเจ้าทุกคนออกไป รัชกาลที่๑ทรงออกพระโอษฐ์ไล่ทุกคนออกไปให้หมด
ดังนั้น เหล่ามหาดเล็กผู้รับใช้และนางกำนัลข้าหลวงจึงได้พากันทยอยออกจากห้องไปเงียบๆ
นั่งพักที่เตียงก่อนไหมเพคะ? เดี๋ยวหม่อมฉันจะช่วยรินพระสุธารสถวาย
แต่นิลเนตรยังมิทันขยับตัว พระหัตถ์ข้างหนึ่งก็ยื่นมาจับมือเธอดึงไว้ เธอรู้สึกเจ็บ เพราะทรงบีบไว้แรง แต่มิกล้าเอ่ยประท้วง ได้แต่เงยหน้ามองพระพักตร์ที่ดูเป็นเงาดำๆท่ามกลางความมืด
ฝ่าบาท? นิลเนตรอดรู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้
สักครู่ก็คลายพระหัตถ์ออก ก่อนจะรั้งตัวเธอเข้ามากอดแนบแน่นกับพระอุระ
ขอโทษด้วย นิลเนตร เราไม่ได้เมาดอก แต่เราแกล้งเมาน่ะ เพื่อล่อหลอกให้เจ้าเข้ามาในนี้กับเรา สุรเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจยิ่งนัก
หมายความว่าอย่างไรเพคะ?
เราไม่อยากให้เจ้าจากเราไป เราจึงตั้งใจจะใช้กำลังบังคับเจ้าให้เป็นของเราเสีย เราคิดจะย่ำยีเกียรติ์ของเจ้า
นิลเนตรนิ่งอึ้งอยู่เป็นครู่ เข้าใจทันทีว่าต้นเหตุที่ทำให้ทรงถึงกับมีพระดำริเช่นนั้น เป็นเพราะเหตุเมื่อกลางวันนี้นั่นเอง
แล้ว...ทำไมถึงไม่ทำเพคะ?
ไม่รู้สิ คงเพราะเรากลัวเจ้าจะเกลียดเราเสียกระมัง
แล้วทรงคิดว่า เป็นแบบนี้แล้ว จะทรงไม่นึกเสียพระทัยทีหลังหรือเพคะ เกิดวันหน้าหม่อมฉันต้องหายไปจริงๆ
ทรงนิ่งอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพยักพระพักตร์
เราอาจต้องเสียใจภายหน้า แต่การที่จะให้ทำร้ายเจ้านั้น เราเองก็ทำไม่ได้ เช่นนั้นเราขอเป็นฝ่ายเจ็บเองเสียดีกว่า
นิลเนตรอยากร้องไห้จริงๆ เธอวางมือบนพระอุระ
อย่ารับสั่งเช่นนั้นเลยเพคะ ฝ่าบาทอย่าลืมว่า พระองค์นั้นทรงเป็นถึงพระมหากษัตริย์ จะอ่อนแอเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวนั้นไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะไม่มีหม่อมฉัน แต่ก็ยังทรงมีมเหสีเจ้าจอมและสนมคนอื่นๆอีกมากมาย
คำพูดของเธอก็ฟังเข้าใจอยู่ แต่ก็อดเสียพระทัยไม่ได้อยู่ดี หากต้องปล่อยให้เธอจากไปจริงๆ
หรือว่า...เราจะไม่สามารถรั้งเจ้าไว้ได้จริงๆ
หม่อมฉันไม่ทราบ เรื่องวันหน้า...ไม่มีใครอาจรู้ได้ หากมันเป็นพรหมลิขิตที่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ใครก็คงมิอาจฝืนชะตากรรมได้ ฝ่าบาทเองยังเคยรับสั่งไว้ สักวันหม่อมฉันและทุกคนอาจกลับบ้านของตัวเองได้ แม้จะไม่มีพระแสงดาบเลยก็ตาม
รัชกาลที่๑มีพระพักตร์ดูเจ็บปวด แทบรับสั่งใดๆไม่ออก
เอาเถิด เราเข้าใจแล้ว เช่นนั้นเราจะมอบดาบของเราให้กับเจ้าเอง
นิลเนตรแทบไม่เชื่อหู ทรงคิดกลับคำ ทั้งๆที่เคยรับสั่งเอาไว้ว่ากษัตริย์ย่อมไม่คืนสัตย์วาจา
ไหนรับสั่งว่า...
เรายอมเสียวาจาสักครั้ง เพื่อพิสูจน์ความจริงนี้ หากแม้นว่านี่เป็นพรหมลิขิตที่ให้เราทั้งสองคนได้มาพบเพื่อแยกจากกัน ถึงเราจะไม่มอบดาบให้ เจ้าก็คงจรลีไปจากเราอยู่ดี
นิลเนตรพูดอะไรไม่ออก เหมือนคำพูดจุกเสียดอยู่ในคอ
เพลานี้ขอเจ้าจงอดใจรอไปก่อน รอเสร็จศึกครั้งนี้ เราจะได้พิสูจน์ให้รู้กันเสียที รัชกาลที่๑รับสั่งด้วยสุรเสียงที่ค่อนข้างฟังดูเย็นชาอยู่ในทีโดยไม่ตั้งพระทัย ทั้งนี้ก็เพราะต้องทรงระงับความความโทมนัสเป็นอย่างมาก
เอ้อ...หม่อมฉัน...หม่อมฉัน...
เจ้ามิใคร่อยากกลับไปยังโลกของเจ้าดอกหรือ?
นิลเนตรนิ่งอึ้ง เมื่อครู่เธอเกิดอาการสองจิตสองใจ ใจหนึ่งนั้นไม่อยากจากไป แต่อีกใจก็อยากจะกลับบ้านเต็มที คล้ายกับนางวันทองที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใครดี ระหว่างชายที่เธอรัก กับชายที่รักเธอ
ทรงพักผ่อนเถอะเพคะ แล้วพรุ่งนี้หม่อมฉันจะมาเฝ้า เด็กสาวถอนสายบัว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ศิลาเห็นพวกเพื่อนๆจับกลุ่มคุยกัน ก็เกิดความสงสัย จึงได้เดินเข้ามาฟัง
ทรงกลับมาแล้วแบบนี้ ก็หมายความว่า...การศึกที่ทุ่งลาดหญ้าก็เป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หมีอ้วนพูดเหมือนค่อยรู้สึกวางใจขึ้นมาได้หน่อย
ใครกลับงั้นเหรอ? ศิลาสะดุดหู จึงอดปากถามไม่ได้
อ้าว นี่นายไปมุดรูอยู่ที่ไหน คนเขารู้กันทั้งเมืองแล้ว เขาว่ากรมพระราชวังบวรเสด็จกลับมาแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อวานนี้นั่นแน่ะ ปรียานุชบอก แล้วทำท่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรก็เสด็จกลับมาพร้อมกันด้วย ทรงดูสง่างามไม่แพ้พระราชบิดาเลย อย่างงี้เขาเรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว
เปียเขาหมายตาไว้ว่าจะเป็นสมเด็จพระราชินีองค์ต่อไป ธิติมาพูดกับเขาเป็นกระซิบอย่างเห็นขัน
แล้วไม่ได้หรือไง? ปรียานุชถาม รัชกาลที่๑น่ะ ช่างเถอะ ยกให้นิลเนตรไปก็ได้ ตอนนี้ฉันขอเป็นพระอัครชายาของเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรไปก่อนแล้วกัน แล้วอีกยี่สิบปีข้างหน้า ฉันก็จะได้เป็นสมเด็จพระบรมราชินี
ทำอย่างงั้นได้เหรอ? ภาคินีดูสงสัย ถ้าทำแบบนั้นประวัติศาสตร์มันก็ได้บิดเบือนน่ะซี
ไม่เห็นเป็นไรเลย ไหนๆพวกเราก็หมดสิทธิ์จะกลับบ้านแล้ว ถือโอกาสนี้สร้างชื่อในประวัติศาสตร์เลยไม่ดีกว่าหรือ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ไม่แน่นะ ต่อไปวันหน้าฉันอาจมีชื่อถูกจารึกในพงศาวดาร ในฐานะนารีเทพที่ได้เป็นถึงราชินีจริงๆก็ได้
งั้นเร้อ งั้นหล่อนก็คงต้องไปหัดเล่นดนตรีการละครแล้วล่ะ แต่จะไหวแน่เร้อ หมีอ้วนทำท่าปลงสังเวช
ทำไม? ปรียานุชไม่เข้าใจ
เท่าที่ฉันรู้มา รัชกาลที่๒โปรดศิลปะการแสดงการดนตรีมากน่ะซี เรียกว่าคลั่งไคล้เลยก็ได้ ว่าแต่เธอเล่นดนตรีหรือรำละครเป็นด้วยเหรอ? อย่างซอสามสายหรืออะไรนี่น่ะ
ปรียานุชอึ้งไปเลย ทำเอาธิติมากับภาคินีพากันกลั้นยิ้มขำเต็มที่
คนไม่เคยหัดมาก่อน ก็ลำบากหน่อยล่ะนะ เพราะงั้นเธอคงจะต้องพยายามตะเกียกตะกายขวนขวายน่าดูหรอก
ปรียานุชถอนใจเฮือก หมีอ้วนพูดซะจนเธอหมดอารมณ์ฝันหวานไปเลย
ศิลาเห็นว่ามีแต่เรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่อง จึงไม่คิดสนใจจะอยู่ฟังอีก เกียรติภูมิสังเกตเห็นก็อดถามไม่ได้
นั่นนายจะไปไหนหรือ?
ว่าจะไปดูของในตลาดหน่อย เขาตอบ
ฉันไม่ไปนะ ขี้เกียจ หมีอ้วนพูด
ก็ไม่ได้ชวนนี่ ศิลาตอบทันที แล้วก็เดินออกไปเลย
ดูมันพูดเข้าซี หมู่นี้ชอบทำตัวแปลกๆ แถมเมื่อวานหายหัวไปไหนไม่รู้แทบทั้งวัน
คงจะเบื่อมั้ง เลยหนีออกไปเที่ยว มันก็น่าอยู่นี่ ที่นี่แทบไม่มีอะไรเลย ทีวีก็ไม่มี โรงหนังก็ไม่มี ปรียานุชพูดแล้วเซ็ง
ทุกคนทำท่าเห็นด้วย ไม่มีใครติดใจสงสัยเรื่องนี้สักคน
ศิลาได้แวะเข้าไปในตลาด เขาไปที่ร้านตีดาบที่เคยไปกับพวกเกียรติภูมิ นายช่างสินเห็นเขาก็จำได้
อ้าว พ่อเองเรอะ ว่าไง? วันนี้มีอะไรจะให้ช่วย? เขาถาม วางมือจากเครื่องมือที่ใช้ตีดาบ
อยากให้ช่วยเชื่อมดาบที่หักให้หน่อยน่ะ ทำได้ไหม? ศิลาถาม
สบายมาก ไม่มีปัญหา ไหนล่ะ ดาบที่ว่า
ศิลาหยิบห่อผ้ามาเปิดให้ดูพระแสงดาบ นายช่างสินหยิบขึ้นมาพินิจดู
เป็นดาบชั้นดีนี่ สวยจริง ร้านข้ายังไม่เคยมีดาบดีขนาดนี้มาก่อนเลย ขายให้ข้าได้ไหม? นายช่างสินถาม ใคร่อยากได้เป็นเจ้าของเสียเอง
ไม่ได้ ศิลาตอบทันที นี่ไม่ใช่ดาบของเรา หลวงราชวงศาใช้ให้เอามาซ่อม ขายได้ที่ไหน เดี๋ยวก็หัวหลุดทั้งโครตพอดี
นายช่างสินสะดุ้งนิดๆ คิดว่าไม่ควรยุ่งด้วยดีกว่า ถึงอยากได้ แต่ก็ไม่อยากเอาคอไปเสี่ยงให้ถูกบั่นเป็นสองส่วน ลูกเมียก็อาจพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เอาล่ะ รู้แล้ว แค่นี้ต้องทำตะคอกด้วย
แล้วซ่อมได้หรือเปล่า? ศิลาถาม
ได้
แล้วเมื่อไหร่จะได้?
จะเอาเมื่อใดล่ะ ถ้าจะเอาวันนี้ ก็ต้องเย็นๆโน่น
เย็นแค่ไหน เดี๋ยวประตูวังปิดเสียก่อน
อุวะ ไม่รู้โว้ย ถ้ากลัวนัก พรุ่งนี้ค่อยมาเอาซี
ศิลานิ่วหน้า
เออ งั้นพรุ่งนี้จะมาเอา พูดจบเขาก็เดินออกจากร้าน
แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้คาดจากสายตาของฉายที่คอยจับตาเฝ้าสังเกตอยู่ได้สักครู่หนึ่งแล้ว
แล้ววันรุ่งขึ้นนั้นเอง จู่ๆทหารกลุ่มหนึ่งก็บุกรุกเข้ามาในตำหนักเทพ พวกเขาทั้งหกจึงพากันตกใจเป็นอย่างมาก
ทรงมีพระบรมราชโองการให้กุมตัวพวกเทพทั้งเจ็ดไปเฝ้าที่ลานหน้าพระตำหนักบัดเดี๋ยวนี้ ทหารนายกองผู้หนึ่งประกาศขึ้นด้วยเสียงอันดัง
อะไรกันครับ? นี่มันอะไรกัน? หมีอ้วนได้แต่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อพวกทหารเข้ามาคุมตัวพวกเขาไป
พวกเขาได้แต่ตามไปโดยไม่กล้าคิดขัดขืน ทั้งๆที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
และเมื่อมาถึงลานหน้าพระตำหนัก พวกเขาก็เห็นหลวงราชวงศากับนิลเนตรคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเบื้องพระพักตร์ ซึ่งนอกจากรัชกาลที่๑แล้ว กรมพระราชวังบวรเองก็ประทับอยู่เป็นสักขีพยาน
นี่มันอะไรกันครับ? หมีอ้วนถามชายสูงอายุ
แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ ท่าทางก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดียวกัน
รัชกาลที่๑ทอดพระเนตรมองทั้งแปดคนนิ่งอยู่ ก่อนจะชักดาบเล่มหนึ่งออกมา ทุกคนจ้องมองอย่างตกใจ
ศิลาหน้าซีด เพราะเริ่มสังหรณ์ใจขึ้นมา
พวกเจ้าคงจะจำดาบเล่มนี้ได้ซีนะ นี่คือพระแสงดาบคาบค่ายที่เราเคยหักทิ้งต่อหน้าเหล่าธารกำนัลในท้องพระโรงครั้งนั้น
ทุกคนหันมามองหน้ากันเองอย่างงุนงงอยู่ เมื่อได้ยินทรงรับสั่งเช่นนั้น
หลวงราชวงศา ท่านเป็นผู้ใช้ไหว้วานให้เทพศิลานำไปให้ช่างตีดาบช่วยเชื่อมต่อให้กระนั้นหรือ? เพราะเหตุใด? รัชกาลที่๑รับสั่งถามสุรเสียงเยียบเย็นยิ่ง
หลวงราชวงศาตกใจจนหน้าซีด ยกมือพนมสั่นเทา
ขอได้ทรงโปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรมด้วย ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบเรื่องจริงๆ โปรดให้ความเป็นธรรมด้วย
พี่ท่าน ข้าว่าหลวงราชวงศาคงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ดอก กรมพระราชวังบวรกล่าวขึ้นตามความคิดเห็น
เช่นนั้นผู้ใดเล่าที่เป็นผู้วางแผน? รัชกาลที่๑ดำรัสถาม
เห็นจะต้องถามท่านเทพศิลาเสียกระมัง ว่าผู้ใดกันที่เป็นผู้ไหว้วานให้กระทำการเยี่ยงนั้น กรมราชวังบวรทูล
รัชกาลที่๑ชำเลืองพระเนตรไปจ้องศิลาเขม็ง อีกฝ่ายหน้าซีดขึ้นมาในบัดดล ขืนเป็นแบบนี้เขาคงถูกฆ่าตายแน่
นิลเนตร...นิลเนตรพะเจ้าค่ะ ศิลาทูลเสียงสั่น
ทุกคนทำท่าตกใจ แม้แต่นิลเนตรก็มีสีหน้ามึนงง ไม่คิดว่าจะได้ยินเช่นนั้น
รัชกาลที่๑แทบไม่เชื่อพระกรรณ ทรงไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่พระองค์ไว้วางพระทัยที่สุดจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการนี้เอง
ไม่จริง ไม่จริงนะเพคะ นิลเนตรทูลเกือบเป็นกระซิบแหบโหย ตัวเย็นวาบไปหมด
ไอ้ศิลา แกรู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไร ทำไมถึงต้องโยนให้เป็นความผิดของนิลเนตรด้วย เกียรติภูมิแทบไม่อยากเชื่อว่าศิลาจะกล้าหักหลังพวกเดียวกัน
ฉันพูดความจริง เรื่องระหว่างแกกับนิลเนตรน่ะ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น พวกแกแอบลอบนัดพบกันอยู่บ่อยๆ วางแผนคิดจะหาทางเอาพระแสงดาบมาเพื่อหนีไปด้วยกัน แต่พอเรื่องแดงออกมา ก็คิดปัดสวะให้ฉันรับผิดชอบแค่คนเดียวรึไงฟะ
แก! ไอ้ชาติชั่ว เกียรติภูมิขาดสติผึง โถมเข้าใส่ร่างของศิลาอย่างรวดเร็วหมายจะทำร้ายให้ตายคามือให้ได้ จนพวกทหารช่วยกันรุมจับแยกแทบไม่ทัน
ไอ้สัตว์ ไอ้เดรัจฉาน มึงยังเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า เกียรติภูมิได้แต่ตะโกนด่า เพราะถูกทหารจับตัวเอามือไขว้หลังแทบขยับตัวไม่ได้ ไม่มีปัญญาจะเข้าไปทำร้ายอีกฝ่ายได้อีก
พี่ท่าน ขอทรงใคร่ครวญให้ดี หากยังไร้ซึ่งหลักฐาน หาควรเอาผิดผู้ใดในเพลานี้ มิเช่นนั้นอาจเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้นะพะเจ้าค่ะ กรมพระราชวังบวรกล่าวเตือนพระสติ
รัชกาลที่๑ทรงพยักพระพักตร์ เข้าพระทัยดี
ให้กุมเทพศิลาไปขังในคุกหลวง รอลงอาญาต่อไป ส่วนเทพองค์อื่นๆให้กักบริเวณ ห้ามออกจากพระตำหนักนับจากเพลานี้ไป หลวงราชวงศาก็ให้พักราชการชั่วคราว และห้ามออกจากจวน จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่น
หลวงราชวงศายกมือพนมด้วยมือดูสั่นเทาน่าสงสาร
เป็นพระกรุณาพระพุทธเจ้าค่ะ
จากนั้นพวกทหารก็มาช่วยกันกุมตัวพาทุกคนออกไป เหลือก็แต่นิลเนตรที่ไม่มีใครกล้ากุมตัว ด้วยรู้ว่าเป็นผู้ที่ทรงโปรดปรานยิ่งนัก เด็กสาวจึงได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง
กรมพระราชวังบวรอดเห็นใจคนทั้งสองไม่ได้ จึงทรงวางพระหัตถ์บนพระอังสาขององค์พระเชษฐาเหมือนจะปลอบ
ถ้อยทีถ้อยอาศัยดีกว่านะพะเจ้าค่ะ ผัวเมียก็เหมือนลิ้นกับฟัน ย่อมต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง รับสั่งจบ ก็เสด็จจากไปโดยไม่เหลียวหลัง
บรรดามหาดเล็กและนางข้าหลวงทั้งหลายก็พากันหายไปไหนกันหมดไม่ทราบ ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าอยู่รอหน้าสักคน
นิลเนตรยังคงนั่งนิ่งเงียบ ได้แต่รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ความเงียบงันที่ตามมามีแต่สร้างความหวั่นระแวงสงสัย ฉากนี้ดูคล้ายกับภาพยนตร์บางเรื่องที่เธอเคยดู เวลาแบบนี้นางเอกควรจะร้องไห้หรือขอความเมตตาปราณี
เจ้าจะมิคิดแก้ตัวบ้างหรืออย่างไร? ในที่สุดรัชกาลที่๑ก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน ราวกับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียเอง
หม่อมฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรเพคะ ได้แต่หวังว่าฝ่าบาทจะทรงเชื่อหม่อมฉันมากกว่าคนอื่น นิลเนตรเพิ่งนึกได้ว่า การนั่งลงร้องไห้เห็นจะไม่ใช่หนทางแก้ไขที่ดีนัก การโกรธเกรี้ยวหรือทำท่าเหย่อหยิ่งจองหองก็ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง
เด็กสาวเหลือบตาขึ้นเพื่อมองพระพักตร์ แล้วจึงได้เห็นสีพระพักตร์ที่ดูอ่อนโยนลงด้วยความเมตตาปราณีที่มีให้แก่เธอ
หากนั่นเป็นคำขอ เราก็จะให้
เป็นพระกรุณาเพคะ นิลเนตรตอบอย่างซึ้งใจ
ครั้นแล้วก็ค่อยๆเห็นพระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ออกมาทีละน้อย
เจ้าเป็นคนฉลาดมาก แทนที่จะแก้ตัวให้เสียเวลา สู้ขอให้เราเมตตาเจ้าดีกว่า แต่ทว่า...หากเราไม่เชื่อเจ้าเลยสักนิด ป่านนี้เราคงสั่งลงทัณฑ์พวกเจ้าถึงตายไปแล้ว
นิลเนตรได้แต่นิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น
เราใช่ถึงกับโง่เขลาเบาปัญญาจนดูไม่ออก ผู้ที่กล้าให้ร้ายเราว่าเป็นกบฎต่อพระเจ้าตากสินได้อย่างหน้าตาเฉย มีหรือที่จะไม่กล้าใส่ร้ายอิสตรีเช่นเจ้าเพียงเพื่อรักษาชีวิตเอาตัวรอด สัญชาติหมาอดขี้ไม่ได้
นิลเนตรนิ่งอึ้งเล็กน้อย
การจะสั่งประหารชีวิตเทพศิลานั้นง่ายดายเพียงนิดเดียว แต่การจะแก้ข้อสงสัยให้เจ้านั้นดูยากเข็ญเสียยิ่งกว่า ตราบใดที่ยังมิอาจจับตัวไอ้โมกไอ้เช้งได้ เราคงจะประหารชายผู้นั้นเสียมิได้
จะทรงประหาร...เพื่อนของหม่อมฉันหรือเพคะ?
มันทำกับเจ้าเยี่ยงนี้แล้ว เจ้ายังนับเป็นเพื่อนอีกหรือ? รัชกาลที่๑รับสั่งเหมือนไม่เชื่อพระกรรณ
จะผิดจะถูกอย่างไร พวกเราควรเป็นคนตัดสินเอง ทรงอย่าลืมว่าพวกเราเป็นคนต่างโลกนะเพคะ
รัชกาลที่๑แย้มโอษฐ์คล้ายเยาะหยัน
เจ้าผิดแล้ว หากเราสั่งเจ้าให้ตายเสียบัดนี้ เจ้ามีหรือที่จะมิกล้าตาย
นิลเนตรนิ่งอึ้ง
จะคนต่างโลกต่างพิภพ หรือต่างแคว้นต่างเผ่าพันธ์ เมื่อพวกเจ้าเข้ามาอาศัยอยู่ขอพึ่งบุญบารมีของเราแล้ว พวกเจ้าก็ควรขึ้นตรงเป็นข้าบริวารของเราถึงจะถูก ไม่มีละเว้นผู้ใด จะเป็นเทพหรือมนุษย์ก็หาเกี่ยวไม่ ตราบใดที่พวกเจ้ายังมิก้าวพ้นออกจากแผ่นดินของเรา พวกเจ้าก็ยังต้องเชื่อฟังเราเช่นนี้ต่อไป
รับสั่งจบ ก็เสด็จกลับเข้าพระตำหนัก นิลเนตรเองก็ค่อยลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินตามเข้าไปด้านใน รัชกาลที่๑ประทับนั่งอยู่ที่พระที่นั่ง ใบพระพักตร์ดูเครียดขรึมจนเห็นเด่นชัด
หากเจ้าจะขอให้เราละเว้นชีวิตเทพศิลา ก็จงอย่าเลยดีกว่า คนอันธพาลเยี่ยงนั้นไปอยู่ที่บ้านเมืองใด บ้านเมืองนั้นมีแต่จะต้องล่มจมฉิบหายวายวอดด้วยอัปรีย์เสียมิช้าแล
ในยุคสมัยของหม่อมฉันมีคนแบบนี้อยู่เต็มไปหมด
รัชกาลที่๑แทบไม่กระพริบพระเนตร
แล้วพวกเจ้าอยู่กันได้อย่างไร?
เราต่างคนต่างอยู่เพคะ ถ้าทนได้ก็ทน หากทนไม่ได้ ก็คงต้องให้ตายกันไปข้างหนึ่ง กระสุนราคาถูกมาก ชีวิตก็แสนจะไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คนรวยก็รวยยิ่งขึ้น คนจนก็มีแต่จนลงไปทุกวัน ทั้งความหลอกลวงปลิ้นปล้อน ทำร้ายกัน เอารัดเอาเปรียบ การแย่งชิง ปล้นจี้ฆ่าข่มขืน สิ่งเหล่านี้มีให้เห็นอยู่ทุกวัน ในทุกชนชั้นสังคม
เช่นนั้นใยเจ้าจึงยังถวิลหากลับไปที่นั่น เจ้าอย่าได้ไปเลย จงอยู่ที่นี่กับเราเสียเถิด เราขอสัญญาจะปกป้องเจ้าจนสุดชีวิตของเราเอง
ทำไม่ได้ดอกเพคะ ถึงแม้ว่าที่โลกแห่งนั้นจะเลวร้ายสักเพียงใด แต่ที่นั่นก็ยังมีคนที่หม่อมฉันต้องกลับไปหาอยู่ หม่อมฉันจะมัวเสียเวลาอยู่แต่ในโลกแห่งความฝันนี้ไม่ได้ พอทีเถิดค่ะ เลิกทำแบบนี้เสียที ตื่นเถอะค่ะ อาจารย์ นิลเนตรพูดด้วยเสียงอันดัง หวังจะให้อีกฝ่ายได้สติ
เจ้าพูดกระไร ข้ามิเห็นเข้าใจ รัชกาลที่๑จ้องมองเธอนิ่งอยู่
หม่อมฉันคิดมาได้สักพักนึงแล้ว ที่นี่จะใช่โลกในยุคอดีตจริงหรือ ตอนแรกหม่อมฉันก็ยังคิดเช่นนั้น จนกระทั่งมาพบฝ่าบาท หม่อมฉันก็ยังคงสับสน ทำไมฝ่าบาทถึงได้มีพระพักตร์ละม้ายคล้ายคลึงกับอาจารย์ เป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่านี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของอาจารย์เองที่ซุกซ่อนไว้ เป็นไปได้ไหมว่านี่อาจเป็นความทรงจำในอดีตชาติของอาจารย์ หรือว่าอาจารย์เพียงแต่คิดหนีความจริงจากโลกที่แสนโสมมที่น่าเบื่อหน่าย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลข้อไหน พวกเราทั้งเจ็ดคนก็กำลังฝันร่วมกับอาจารย์จริงๆ ที่พระแสงดาบเปล่งแสงได้ ก็ไม่ใช่เพราะพลังจิตของหม่อมฉัน แต่เป็นอาจารย์เองใช่ไหมคะ อาจารย์พิชัย!?
เงียบกริบไปครู่หนึ่ง นิลเนตรได้แต่หวังว่า คำพูดของเธอจะก่อให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรบ้าง เธอค่อนข้างแน่ใจว่า บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นไม่ใช่รัชกาลที่๑ แต่คืออาจารย์พิชัยเอง และที่นี่คือโลกในความฝันที่ดูเหมือนจริงมาก ไม่ใช่โลกในสมัยอดีตอะไรทั้งนั้นหรอก
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
|