home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๗...
ภายในพระบรมมหาราชวัง ตรงหน้าที่ประทับอันสูงด้วยเศวตฉัตรล้ำค่าควรเมือง เหล่าขุนนางผู้ใหญ่มารวมตัวกัน ขณะนั้นเองก็มีใบบอกแจ้งเข้ามา
ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท บัดนี้มีข่าวแจ้งมาว่า อ้ายพวกพม่าชาติชั่วได้เตรียมกองทัพไว้เก้ากองทัพ จำนวนพลมากมายแทบมืดฟ้ามัวดิน มุ่งหมายที่จะข้ามมาเพื่อจะปล้นชิงบ้านเมืองของเรา ขอใต้ฝ่าละลองโปรดมีรับสั่งให้เกณฑ์ผู้คนมีฝีมือออกไปรับมือกับพวกข้าศึกด้วยจงเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ
หลังจากกล่าวจบ ก็น้อมมือบังคมหัตถ์แทบกลางกระหม่อม แล้วก้มหน้าเพื่อรับฟังพระดำรัส
กรมราชวังบวรฯจึงน้อมบังคมทูล
ขอได้โปรด ยินว่ากำลังของพวกมันที่ยกมาคราวนี้นั้นมีมากกว่าพวก เราถึงเท่าตัว หากแม้นว่าเรามัวแต่ตั้งรับเสียอยู่แต่ในเมือง พวกข้าพระพุทธเจ้าก็เกรงว่าจะกลายเป็นหมูในอวยให้พวกมันย่ำยี ขอโปรดมีพระบัญชาให้ข้าพระพุทธเจ้านำทัพออกไปสู้รบกับพวกมันเองจนถึงที่สุด เพื่อให้พวกมันได้ตระหนักถึงความปรีชากล้าหาญของทัพไทยเราด้วยเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ
ส่วนขุนนางอื่นๆส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเงียบ ดูจะไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น
ขณะนั้นเอง ก็มีคนคลานเข้ามาน้อมบังคมทูลถวาย ก่อนจะทูลรายงานด้วยถ้อยคำอันชัดเจน
ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าได้นำข่าวที่น่าประหลาดและยินดีเข้ามาทูลแจ้งให้ทรงทราบ เนื่องว่าได้มีข่าวร่ำลือปรากฎเทพทั้งเจ็ดขึ้นมาบนแผ่นดินของเรา แลณเพลานี้ ท่านเทพทั้งเจ็ดต่างก็ได้เสด็จประพาสจนล่วงมาถึงพระนครกรุงเทพแห่งนี้แล้ว ขอได้ทรงโปรดมีพระกระแสรับสั่งโดยด่วน เร่งให้อัญเชิญเทพทั้งเจ็ดมาประทับณที่พระบรมมหาราชวังแห่งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลมิ่งขวัญแก่บ้านเมืองสืบชั่วกาลนานเทอญ
เทพทั้งเจ็ด? ข่าวนี้ไม่เพียงแต่ทำให้รัชกาลที่๑มีอาการประหลาดพระทัย แม้แต่บรรดาขุนนางทั้งหลายก็พากันตื่นเต้น ซึ่งเป็นข่าวที่น่ายินดีมากในสถานการณ์ที่กำลังคับขันเช่นนี้
เป็นความจริงเช่นนั้นแน่รึ? ออกยาผู้หนึ่งยังสงสัย
เป็นข่าวแน่แท้ ยินว่าท่านเทพทั้งเจ็ดได้สำแดงอิทธิให้ปรากฎแก่สายตาพวกทหารพม่าจนแตกตื่นกันไปหมด พวกท่านได้เผาทำลายเสบียงของพวกพม่าจนสิ้น เป็นเหตุให้แม่ทัพใหญ่ของพวกมันต้องถูกตัดหัวไปหนึ่ง ผู้รายงานกล่าวยืนยันข่าวที่ได้ทราบมาอย่างมั่นใจ
ขอเดชะ ขุนนางคนหนึ่งรีบกราบทูล หากข่าวนี้เป็นความจริงกระนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่า เราสมควรจะอัญเชิญเทพทั้งเจ็ดเข้ามาประทับภายในพระบรมมหาราชวังแห่งนี้ เพื่อให้เป็นสิริมงคลสืบต่อไป นี่ถือเป็นนิมิตอันดียิ่งที่ยังไม่เคยมีปรากฎในแผ่นดินยุคสมัยไหนมาก่อน เห็นทีคงจะเป็นลางว่า สวรรค์เบื้องบนกำลังเข้าข้างเราอยู่เป็นแน่แท้ หากได้ท่านเทพทั้งเจ็ดเข้ามาช่วยเหลืออีกแรง เชื่อว่าทั้งเหล่าไพร่ฟ้าและพลทหารก็จะได้มีขวัญกำลังใจ อันการศึกในครั้งนี้เราจะต้องกลายเป็นฝ่ายมีชัยชนะพระพุทธเจ้าค่ะ นี่อาจจะเป็นอำนาจแห่งคุณพระศรีพระรัตนตรัยที่กำลังช่วยดลใจให้เทพบนสวรรค์ส่งคนดีมาช่วยเราเป็นแน่แท้
ดี หลวงราชวงศา ขอท่านรับหน้าที่อันสำคัญ จงนำขบวนเครื่องราชเกียรติยศอัญเชิญเทพทั้งเจ็ดมาพบเราด้วย รัชกาลที่๑ กล่าวบัญชาอย่างไม่รอช้า
หลวงราชวงศาน้อมเกล้าถวาย ก่อนจะออกจากท้องพระโรงเพื่อไปเตรียมการโดยเร็ว
ภาคินีตื่นขึ้นมาและมองไปเห็นนิลเนตรกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ข้างๆเตียง มองออกไปทางนอกหน้าต่าง ไม่ทำท่ารู้สึกตัวแม้สักนิด
นิล ฉันหิวน้ำ ภาคินีบอกกับเธอ
นิลเนตรรู้สึกตัวขึ้นมา
อะไรนะ? หิวน้ำใช่ไหม? เดี๋ยวนะ รอเดี๋ยว นิลเนตรกระวีกระวาดไปรินน้ำมาให้ และช่วยประคองให้เธอดื่มน้ำ
กี่โมงแล้วล่ะ? ภาคินีถาม
นิลเนตรพลิกข้อมือดูนาฬิกา
ห้าโมงแล้ว ได้เวลาข้าวเย็นแล้ว อยากกินอะไรมั้ย? ฉันจะไปบอกภรรยาบาทหลวงให้ช่วยทำข้าวต้มมาให้
ภาคินีพยักหน้า
นิลเนตรเตรียมจะลุกออกไป
นิล จู่ๆภาคินีก็เรียก
นิลเนตรหันมามองอย่างสงสัย
ขอบใจนะ ภาคินีบอก
นิลเนตรยิ้มให้เธอ ก่อนจะเปิดประตูออกไป
ที่นี่ขอรับ ใต้เท้า
หลวงราชวงศาหยุดยืนมองไปที่ตัวอาคารโบสถ์ตรงหน้า ซึ่งข่าวว่าเทพทั้งเจ็ดมาประทับอยู่ที่นี่ ผู้นำทางมีชื่อว่าฉาย กำลังมองสีหน้าของเขาอยู่ว่าจะพูดกระไร
มึงว่ามีคนเจ็บด้วยรึ? หลวงราชวงศาถามย้ำอีกครั้ง
ฉายทำหน้าขรึมไม่แพ้กัน
ขอรับ ท่านเทพต้องเดินทางรอนแรมมาไกลจากเขตแดนพม่าจนล่วงมาถึงกรุงเทพนี่ได้ ท่านพากันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่เคยต้องลำบากลำบนเช่นนี้มาก่อน ยามอยู่บนสวรรค์ได้แต่ใช้ชีวิตสุขสบายจนเคยตัว เมื่อต้องมาอยู่บนโลกมนุษย์ อำนาจเทพแผ่มาไม่ถึง ทำให้ต้องอ่อนแอลง แทบไม่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา จึงติดเชื้อป่าไปเสียองค์หนึ่ง
หลวงราชวงศาพยายามทำท่าเข้าใจ ขณะเดียวกันก็นึกวิตกขึ้นมาว่าหากเทพต้องมามีอันเป็นไปแม้สักองค์เดียว เห็นทีว่าจะกลายเป็นอาเพศเสียมากกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรเสีย คงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ไอ้ฉิม มึงจงไปเร่งหมอหลวงมาโดยด่วนที่สุด อย่าได้ขืนรอช้า แลมึงอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด มิฉะนั้นกูจะเด็ดหัวมึงทิ้ง หลวงราชวงศาพูดเสียงฟังข่มขู่ จนไอ้ฉิมนึกหวาดกลัวขึ้นมา
ดังนั้นไอ้ฉิมจึงรีบรุดไปโดยเร็ว และสาบานว่าจะไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอันขาด
เอาล่ะ เข้าไปดูท่านเทพกัน
จากนั้นทุกคนก็เดินตามเสนาบดีเข้าไปข้างใน
บาทหลวงทราบว่าหลวงราชวงศามาถึง ก็รีบออกมาต้อนรับขับสู้ เขาไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะยังไม่มีใครบอกอะไรเขาสักคำ
พวกคนหนุ่มสาวทั้งเจ็ดที่มาพักอยู่ที่นี่ เป็นอย่างไรกันบ้าง? หลวงราชวงศากล่าวถามออกไป
พวกเด็กห้าคนออกไปเดินเล่นแถวนี้ หายังกลับไม่สักคนขอรับ บาทหลวงกล่าว นึกสงสัยว่าทำไมเสนาบดีถึงได้ถามถึงเด็กพวกนั้น
เราได้รับพระบัญชาจากหลวงท่านให้มาเชิญพวกเขาทั้งหมดเข้าเฝ้าพร้อมกัน จะมีปัญหาหรือไม่อย่างไร? หลวงราชวงศาถามเหมือนอย่างหารือ
เพลานี้มีเด็กคนหนึ่งล้มเจ็บอยู่ เห็นทีจะไม่ได้ดอกขอรับ ใต้เท้า บาทหลวงรีบปฏิเสธ
หลวงราชวงศาก็คิดอยู่แล้วว่าคงเป็นเช่นนั้นแน่
ก่อนอื่น...เราจะขอพบเด็กพวกนั้นหน่อยจะได้ไหม?
เชิญทางนี้เถิดขอรับ บาทหลวงนำทางให้เอง
คนอื่นทำท่าจะตามไป แต่หลวงราชวงศาส่งสายตามาแวบเดียวเท่านั้น พวกเขาก็ทราบว่าโดนสั่งห้ามตามไปอย่างเด็ดขาด จึงได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอก
หลวงราชวงศาตามไปยังห้องพักรับรอง แล้วจึงเห็นเด็กสาวสองคนในห้อง คนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง อีกคนกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ ดูการแต่งตัวแล้วไม่เหมือนคนบนแผ่นดินนี้จริงๆ แต่ก็แตกต่างจากที่เขานึกมโนภาพเอาไว้มากเหมือนกัน
นิลเนตรลุกขึ้นยืนมองชายสูงวัยตรงๆ สายตามองอย่างนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ส่วนทางหลวงราชวงศาเองก็เห็นสายตานิ่งแน่วนี้ ก็สำคัญว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
เราขอพูดคุยกับพวกเขาตามลำพังได้หรือไม่? หลวงราชวงศาหันไปถามบาทหลวง
บาทหลวงจำต้องออกจากห้องไป แม้จะติดใจสงสัยตะหงิดอยู่ แต่ก็ไม่อาจเปิดปากได้
คุณลุงเป็นใครคะ? นิลเนตรถาม
หลวงราชวงศาแทบไม่กระพริบตา เกิดมาไม่เคยถูกใครถามเช่นนี้มาก่อน
ลุงคือหลวงราชวงศา ได้รับพระราชบัญชาให้มาอัญเชิญเทพทั้งเจ็ดเข้าเฝ้า หลวงราชวงศากล่าวเสียงอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ที่เทพไม่มีความถือตัวเอาเลย แต่คิดดูอีกที เทพจัดเป็นอะไรที่บริสุทธิ์ เด็กคนนี้ดูมีความใสซื่อเหมือนยังไม่แปดเปื้อน
ตอนนี้เพื่อนของหนูคนหนึ่งกำลังไม่สบายค่ะ เรื่องนั้นเห็นทีคงต้องไว้ทีหลัง แต่ว่า...คุณลุงรีบกลับไปทูลพระองค์ให้สั่งคนเคลื่อนทัพโดยเร็วเถิดค่ะ อย่ารอช้าดีกว่า ไม่งั้นประวัติศาสตร์อาจจะต้องบิดเบือนเพราะการมาที่นี่ของพวกเราก็ได้ นิลเนตรพูด
ประวัติศาสตร์บิดเบือน? หลวงราชวงศาไม่เข้าใจที่เธอกล่าวเลยจนนิดเดียว
เชื่อที่หนูพูดเถิดค่ะ ทัพไทยต้องชนะอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่พวกท่านส่งกองทัพไปคอยซุ่มดักโจมตีพวกมันโดยอย่ารอช้า กองทัพใหญ่ของพระเจ้าปดุงจะยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ แต่ตอนนี้พวกมันกำลังเริ่มมีปัญหาเรื่องเสบียง ถ้าเราหาวิธีทำให้พวกมันไม่สามารถส่งเสบียงให้กองทัพของมันได้ อีกไม่นานพวกมันต้องแตกพ่ายหนีกลับไปเอง ถึงพวกมันจะมีจำนวนมาก แต่ก็เป็นคนต่างชาติ ต่างภาษา การเดินทางก็เดินมากันอย่างไม่เป็นขบวน แถมกระจัดกระจายมาคนละทิศทาง ไม่มีทางจะมาถึงกรุงเทพพร้อมกันแน่ ถือเป็นโอกาสดีของพวกเราที่จะรีบชิงลงมือเล่นงานมันเสียก่อน อย่าให้พวกมันได้ทันตั้งตัว แต่ถ้าเรามัวรอชักช้าเสียเวลา จนพวกมันเคลื่อนพลมาถึงกรุงเทพได้เมื่อไหร่ เรานั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ประเทศของเราก็จะต้องตกกลายเป็นเมืองขึ้นของพม่า ไม่มีวันจะกลับคืนเป็นอิสรภาพได้อีกตลอดกาล เพราะในวันข้างหน้า...จะไม่มีคนอย่างสมเด็จพระนเรศวรหรือพระเจ้าตากสินอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นศึกครั้งนี้เราจะแพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
หลวงราชวงศานิ่งอึ้งไปครู่ ก่อนจะทำท่าเข้าใจที่เธอพูด
เอาล่ะ ลุงเข้าใจแล้ว แล้วลุงจะรีบไปทูลรายงานพระองค์ให้ทรงทราบตามนี้โดยเร็ว
รีบไปเดี๋ยวนี้เถิดค่ะ เรื่องของเราน่ะ ไว้ทีหลังก็ได้ อย่ามัวชักช้าเสียเวลาอยู่เลย นิลเนตรเร่ง
หลวงราชวงศาเข้าใจ เขาจึงรีบร้อนจากไป
ภาคินีลืมตาขึ้นมอง
แบบนี้จะดีหรือ นิล? เธอถามอย่างสงสัย
ทำไมเหรอ?
เธอเองก็อยากกลับบ้านเร็วๆไม่ใช่เหรอ?
นั่นก็ใช่ แต่มันยังไม่ถึงเวลา ต้องรอให้เธอหายเสียก่อน แล้วเราถึงจะไปเข้าเฝ้าพร้อมกันเพื่อทูลขอพระแสงดาบ ฉันคิดว่า ถึงเราจะได้พระแสงดาบมาตอนนี้ มันอาจไม่มีประโยชน์ก็ได้ แล้วถ้าทัพไทยแพ้ พวกเราก็ไม่มีบ้านที่จะกลับไปเหมือนกันแหละ
ภาคินีเข้าใจที่เธอพูดดีทุกอย่าง เพราะถ้าแพ้สงครามครั้งนี้ ก็หมายความว่าประเทศไทยก็จะถูกลบชื่อไปจากโลกนี้
เกียรติภูมิและคนอื่นๆพากันกลับมาถึงตอนเกือบจะหกโมงเย็น พบฉายรออยู่ก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
พี่ฉาย มาแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วคนอื่นๆล่ะ? เขาถามขึ้นและมองไปรอบๆ
ไม่รู้หายหัวไปไหนเหมือนกัน ตั้งแต่ที่ข้าเข้าไปรายงานเจ้าหน้าที่จนถึงเดี๋ยวนี้แหละ หลวงราชวงศาให้ข้ารออยู่ที่นี่ เพื่อคอยคุ้มกันพวกเจ้าไว้ ท่านเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าเสียก่อน
หลวงราชวงศา? ทุกคนทำท่าหน้างงๆ ก่อนที่เกียรติภูมิจะหันไปมองหน้าหมีอ้วน ใครฟะ?
จะไปรู้เหรอ? หมีอ้วนก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เหมือนกัน
ข้ารายงานเรื่องของพวกเจ้าไปถึงหลวงท่านแล้ว แล้วท่านก็มีราชโองการให้หลวงราชวงศามารับพวกเจ้าเข้าวัง แต่ไม่รู้เพราะว่าอะไร จู่ๆท่านก็รีบร้อนกลับไป และบอกให้ข้าเฝ้าดูพวกเจ้าไว้ อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า หาไม่ท่านจะกุดหัวข้า เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องรออยู่แถวๆนี้ ไปไหนไม่ได้เลย
ทุกคนทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าเรื่องไปยังไงมายังไงแน่
งั้นแปลว่าคืนนี้พี่ฉายจะพักที่นี่กับเราใช่ไหม? หมีอ้วนถาม รู้สึกอุ่นใจว่ามีคนอย่างเขาอยู่ใกล้ๆ
ก็คงเช่นนั้นกระมัง ฉายตอบอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ฉิมรีบร้อนพาหมอหลวงเข้ามาข้างใน
หลวงราชวงศาเล่า? ฉิมถามงุนงง เพราะคิดว่าท่านน่าจะยังอยู่แถวๆนี้
ไปแล้ว สักประเดี๋ยวได้ มึงรีบพาหมอหลวงไปดูอาการท่านเทพก่อนเถิด หาไม่แล้วหัวมึงได้หลุดจากบ่าแน่
ฉิมฟังแล้วหวาดเสียวแถวๆหลังคอ รีบพาหมอหลวงเข้าไปดูอาการท่านเทพโดยเร็วที่สุด
"ศึกนี้จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาดเช่นนั้นรึ? รัชกาลที่๑รับสั่ง ถาม
พระพุทธเจ้าค่ะ ท่านเทพได้พยากรณ์ไว้เช่นนั้น หากครั้งนี้เราต้องพ่ายแพ้ ประเทศสยามของเราก็จะหายสาปสูญไปจากแผ่นดินนี้ตลอดกาล เพราะกาลข้างหน้าจะไม่มีผู้ใดมาช่วยเราทำการกอบกู้ประเทศชาติคืนได้อีกแล้วพระพุทธเจ้าค่ะ หลวงราชวงศากล่าวตามที่ได้ยินมาโดยไม่ให้ขาดตกแม้แต่คำเดียว
เหล่าขุนนางได้ยินก็พากันตื่นตระหนกตกใจไปตามกัน นี่ต้องถือเป็นคำพยากรณ์ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าพลาดก็หมาย ถึงความย่อยยับพินาศสิ้นของประเทศชาติ
แต่ท่านเทพยังพยากรณ์ไว้อีกว่า ศึกนี้เราจะมีชัยชนะแน่นอน ขอเพียงพระองค์เร่งมีราชโองการให้เคลื่อนทัพออกไปสกัดกั้นดักซุ่มโจมตีพวกทหารพม่าไว้ อย่าให้พวกมันได้มีโอกาสแม้กร้ำกรายเข้ามาเฉียดใกล้ณกรุงเทพมหานครแห่งนี้ได้โดยเป็นอันขาด เพราะในยามนี้ พวกพม่าเองก็กำลังลำบากขัดสนในเรื่องการจัดหาเสบียงอยู่ ซ้ำการเดินทัพก็ยังทำได้ไม่พร้อมเพรียง ท่านยังบอกอีกว่ากองทัพใหญ่ของพระเจ้าปดุงจะยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ขอให้รีบเร่งดำเนินการด่วน
กรมพระราชวังบวรรีบน้อมบังคมถวายโดยเร็ว
ขอเดชะ ในเมื่อท่านเทพพยากรณ์ไว้เช่นนั้น ขอได้โปรดมีพระราชบัญชาเร่งให้จัดเตรียมกองทัพเถิด พวกข้าพระพุทธเจ้าทุกคนยินดีพร้อมถวายชีพเป็นราชพลี
เหล่าขุนนางทุกผู้น้อมบังคมถวายเช่นกันเพื่อให้พระองค์ได้รีบมีพระราชบัญชาออกไป
รัชกาลที่๑เห็นต้องด้วยเช่นเดียวกัน จึงได้รีบมีพระบัญชาออกไปเป็นการด่วน โดยสั่งให้จัดทัพออกเป็นสี่กองทัพอย่างไม่ให้รอช้าเป็นอันขาด
นิลเนตรเปิดประตูออกมา เธอกำลังนำคนโทเพื่อออกมาเปลี่ยนน้ำ เห็นทุกคนยังนั่งจับกลุ่มกันอยู่พร้อมหน้า เวลานั้นค่อนข้างดึกมากแล้ว แต่ยังไม่มีใครเข้านอนกัน
ภาคินีเป็นไงบ้าง? เกียรติภูมิถาม เมื่อเห็นเธอเข้า
หลับไปแล้ว คงเพราะฤทธิ์ยาแหละ นิลเนตรตอบ
ที่จริง...ถ้าเราได้พระแสงดาบตอนนี้ แล้วพาภาคินีกลับไปให้หมอที่โรงพยาบาลดูให้จะดีกว่านะ ปรียานุชพูดอย่างมีเหตุผล
นิลเนตรไม่ตอบ เพราะที่เธอพูดมันก็จริง
พวกนายคิดว่ารัชกาลที่๑จะยอมมอบพระแสงดาบให้เราจริงๆรึไง ศิลายังไม่ยอมเชื่ออยู่ดี
นายศิลา นายน่ะหุบปากไปเลย เรื่องชอบว่าร้ายคนอื่นให้เสียหายน่ะ น่าจะพอเสียทีได้แล้ว ยังไม่เข็ดอีกเหรอ ที่เราต้องถูกส่งตัวมาที่โลกนี้น่ะ มันเพราะปากนายไม่ใช่รึไง ธิติมาหมั่นไส้เต็มที
ศิลาจึงหุบปากลง เพราะถ้าขืนพูดอีก คงไม่มีใครยอมคบกับเขาอีกจริงๆแน่
ฉายมองออกไปข้างนอก แล้วก็เห็นเงาตะคุ่มๆอยู่ ก็ทำท่าจับปืนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ผู้ใดมาทำลับๆล่อๆ ออกมาบัดเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วกูจะยิงเสียให้ไส้ทะลุ เขาเล็งปืนออกไป
แต่พอเห็นหน้าคนที่ออกมาปรากฎตัว เขาก็ต้องรีบลดปืนลงเสีย
ไอ้ฝาง? มึงไปอยู่เสียที่ไหน? เขากล่าวอย่างหัวเสีย
พี่ฉาย มานี่หน่อยสิ ฝางเรียกเขาออกมา
ฉายไม่เข้าใจ แต่เดินออกไปหาข้างนอก ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ไกลจากตัวโบสถ์ เพราะต้องทำหน้าที่คุ้มครองเทพทั้งเจ็ดอยู่
มึงมีกิจอันใดกับกูเรอะ? ฉายสงสัย
เกิดเรื่องแล้วล่ะ พี่ฉาย พวกไอ้โมกไอ้เช้งคิดจะเป็นขบฏต่อหลวงท่าน ฝางเล่าให้ฟัง
หา? มึงว่ากระไรนะ? ฉายคิดว่าต้องหูฟั่นเฟือนแน่
หาใช่เรื่องโกหกไม่ ไอ้โมกไอ้เช้งมันไปปลุกระดมคนมาได้ตั้งสิบคน บอกว่าจะช่วยกันแก้แค้นแทนพระเจ้าตากสิน
แก้แค้นแทนพระเจ้าตากสิน? หมายความว่ากระไร?
ก็เรื่องที่คนพวกนั้นเล่าให้ฟังอย่างไรเล่า พวกไอ้โมกไอ้เช้งปักใจว่าคงเป็นความจริงแน่ พวกมันจึงได้ประกาศว่าจะช่วยกันแก้แค้นแทนพระเจ้าตากสินที่โดนหลวงท่านทรยศหักหลัง พวกมันสาบานว่าจะต้องเด็ดหัวหลวงท่านเอามาเป็นเครื่องสังเวยแด่พระเจ้าตากสินเสียให้จงได้
ฉายตะลึงตาค้าง ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน
มันว่าไม่มีมูลหมาย่อมไม่ขี้ เรื่องนี้ต้องเป็นจริงแน่ ฝางทำท่าเดือดร้อนเป็นอันมาก เอาอย่างไรดี พี่ฉาย? พวกมันชักชวนจะให้ข้าร่วมกับมันด้วย และยังจะให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมพี่ไปร่วมกับพวกมันอีกด้วย
เหตุใดพวกมันจึงไม่มาหากูเอง? แล้วไอ้พวกโครตโง่นั่นมันอยู่ที่ใด? ฉายถามเสียงเครียด
ข้าหารู้ไม่ พวกมันเพียงแต่ใช้ข้ามาถามพี่ก่อน ถ้าพี่ตกลง ก็ให้พี่ผูกผ้าสีแดงไว้ที่ต้นไม้ พวกมันจึงจะออกมาพบ หาไม่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดกันอีกต่อไป พวกมันพูดมาเช่นนั้น
ฉายไม่รู้จะว่าอย่างไรดี
เกียรติภูมิกับคนอื่นๆมองออกมาเห็นพวกเขาคุยซุบซิบ อยู่ด้วยท่าทางดูซีเรียสจัด ก็นึกสงสัยว่าคุยกันเรื่องอะไรอยู่
นั่นมันพี่ฝางไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เข้ามาคุยกันในนี้ล่ะ? ออกไปทำลับๆล่อๆแบบนั้น เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? หมีอ้วนถามขึ้นอย่างนึกสงสัยเป็นอย่างมาก
พี่ฉาย จะเอาเยี่ยงกระไร? ฝางต้องการรู้
แล้วมึงเห็นด้วยกับพวกมันหรือไม่ มึงคิดจริงๆรึว่าหลวงท่านเป็นขบฎต่อพระเจ้าตากสิน ฉายถามคาดคั้น
ข้า...ข้าหาแน่ใจไม่ ฝางยอมรับ
ไอ้ระยำ แค่มึงมีใจนึกระแวงสงสัย มึงเองนั่นแหละที่เป็นพวกขบฏโครตเหง้า หลวงท่านออกแสนดีปานนั้น มึงยังปันใจคิดเป็นอื่นอีกกระนั้นรึ หรือมึงเห็นว่าบ้านเมืองมันสงบร่มเย็นเกินไป มึงจึงมีใจกำเริบคิดจะเปลี่ยนรัชกาลเสียเอง
ฝางก้มหน้า ทำท่าสำนึกผิดขึ้นมา
ข้า...ข้าขอโทษ
มึงหาจำเป็นต้องมากล่าวขอโทษกูไม่ คนที่มึงควรต้องกราบตีนกล่าวขอโทษนั่นคือหลวงท่านต่างหาก คนอย่างมึงก็เหมือนดังเช่นงูเห่า เลี้ยงไว้จะแว้งกัดคนชุบเลี้ยงมึงทีหลัง ไสหัวไปซะ
พี่ฉาย ข้าขอโทษจริงๆ ฝางยกมือไหว้ น้ำตาไหลออกมาอย่างสำนึกผิดจริงๆ
แต่ฉายไม่ใจอ่อน เขาหันหลังให้ ไม่ยอมยกโทษเป็นอันขาด
ฝางน้ำตาไหลพราก รู้ว่าฉายไม่อภัยให้อีกแล้ว เขาได้แต่เดินจากไปเงียบๆ
หนุ่มสาวทั้งหกคนจึงเดินออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอก
เกิดอะไรขึ้น? พี่ฉาย ทำไมต้องทะเลาะกันด้วย? เขา ถามอย่างไม่เข้าใจ ดูเหมือนสองคนจะทะเลาะกันรุนแรงน่าดู แล้วท่าทางฝางก็ดูเสียใจมากเสียด้วย
พวกไอ้โมกไอ้เช้งมีใจเป็นขบฎต่อหลวงท่าน ฉายเล่าให้ฟังเสียงเรียบที่สุด
หา? ทำไมเป็นอย่างงั้นล่ะ? หมีอ้วนตกใจอย่างบอกไม่ ถูก
ก็เพราะเรื่องที่พวกเจ้าเล่าให้ฟังแหละ พวกมันจึงคิดเป็นตุเป็นตะว่าเห็นจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่ พวกมันว่าไม่มีมูลหมาไม่ขี้ พวกมันจึงไปปลุกระดมผู้คนมาได้สักสิบคน ประกาศว่าจะแก้แค้นแทนพระเจ้าตากสินที่ถูกหลวงท่านทรยศหักหลัง
ทุกคนตกใจจนหน้าซีด ก่อนจะหันไปจ้องหน้าศิลาที่เป็นตัวต้นเรื่อง อีกฝ่ายตกใจจนแทบพูดไม่ออก
ฉัน...ฉันไม่เกี่ยวนะ ฉันไม่รู้เรื่อง เขารีบพูดโดยเร็ว
แล้วพี่ฝางก็ด้วยเหรอ? เกียรติภูมิหันไปถาม
มันบอกว่า มันหาแน่ใจไม่ ฉายพูดห้วนๆ ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่แน่ใจแล้วไงครับ? หมีอ้วนไม่เข้าใจ
แค่มันมีใจสงสัยหลวงท่าน ก็ถือว่ามันเป็นขบฎโครตชั่วแล้ว ฉายพูดอย่างโกรธจัดจนเห็นได้ชัด
ทุกคนพากันอึ้งไปกันหมด ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนพวกนี้เสียเท่าไหร่ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกรธเคืองกันขนาดนี้ ทั้งที่เป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ในพงศาวดารที่ฉันอ่านไม่เห็นมีเขียนเรื่องพวกนี้เอาไว้ด้วยนี่ คงจะไม่ใช่ว่าตอนนี้ประวัติศาสตร์กำลังจะเปลี่ยนไปนะ หมีอ้วนชักใจคอไม่ดี
มันเริ่มเปลี่ยนก็ตั้งแต่ที่เราเข้ามาโลกนี้แหละ เกียรติภูมิพูดอย่างมั่นใจมาก ถ้าพวกเราไม่มาที่นี่ ไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนพวกนี้ฟัง พี่โมกพี่เช้งก็คงไม่คิดเป็นกบฎต่อรัชกาลที่๑ แล้วพวกเขาทั้งหมดก็คงไม่ต้องมีปากเสียงกันขนาดนี้ด้วย
เด็กหนุ่มเด็กสาวพากันตกใจอย่างยิ่ง รู้สึกในทันใดว่าเป็นความผิดของตนเองอย่างเห็นได้ชัด
ฉันไม่น่าพูดออกไปเลย เป็นความผิดของฉันเอง นิลเนตรรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอเป็นคนเล่าเรื่องนี้เอง
แต่ไม่มีใครโทษว่าเธอ เพราะใช่ว่าทุกคนเองจะไม่มีส่วนให้ความร่วมมือด้วย พวกเขาช่วยกันเล่าเสริมแต่งจนโมกกับเช้งเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
ทำไงดี? ถ้าเกิดพวกพี่โมกพี่เช้งทำการกบฎสำเร็จ รัชกาลที่๑ต้องถูกลอบสังหารขึ้นมาจริงๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? ปรียานุชถามทุกคน
แต่ไม่มีใครตอบได้ เพียงแค่คิดก็ตกใจจนบอกไม่ถูก
ถ้ารัชกาลที่๑ถูกลอบปลงพระชนม์ตอนนี้ พวกเราคงไม่มีวันได้กลับบ้านของเราอีกแน่ ธิติมาพูดแล้วชักจะกลัวขึ้นมาว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ต้องหาทางหยุดพี่โมกกับพี่เช้งให้ได้ หมีอ้วนบอก
จะหยุดได้ยังไง รู้เหรอว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน แล้วกำลังวางแผนอะไรอยู่ ปรียานุชถามเขา
หมีอ้วนพูดไม่ออก เพราะเขาไม่รู้เลยสักอย่าง
เราไปบอกรัชกาลที่๑ให้ระวังตัวก็ได้นี่ ธิติมาเสนอ
แล้วบอกว่าพวกเราเป็นคนทำให้พี่โมกกับพี่เช้งเป็นแบบนั้นเองหรือไง แบบนี้พวกเราก็ต้องพลอยมีโทษประหารไปด้วยนะเฟ้ย ในฐานะเป็นคนปล่อยข่าวทำลายพระเกียรติ์ของท่าน หมีอ้วนไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด
แล้วจะปล่อยให้ท่านถูกลอบสังหารโดยเราไม่คิดที่จะทำอะไรเลยหรือไง? นิลเนตรย้อนถาม
ทุกคนจึงนิ่งเงียบไปกันหมด
ฉายยกปืนขึ้นมาพาดบ่า ทำท่าจะเดินจากไป
พี่ฉาย พี่คิดจะไปไหนครับ? เกียรติภูมิถามเขา
ข้าจะไปตามหาพวกมันให้เจอ จะเป็นคนหยุดพวกมันไว้เอง หากพวกมันหาฟังไม่ ข้าก็จะเป็นคนลงมือฆ่าพวกมันเอง ไม่ต้องรอให้หลวงท่านสั่งลากพวกมันไปตัดหัวเสียบประจานก็ได้
ทุกคนฟังแล้วสะดุ้งน้อยๆ
จากนั้นฉายก็เดินจากไปเงียบๆท่ามกลางความมืด
จะทำยังไงดี? ธิติมาดูกลัวมาก
ก็หวังแต่ว่า พวกพี่โมกพี่เช้งจะยังไม่ทำอะไรแหละ แล้วถ้าพวกเขาเกิดได้คิดขึ้นมาเสียก่อน ว่าเรื่องทั้งหมดที่เราพูดเป็นแค่เรื่องเหลวไหลล่ะก็ หมีอ้วนทำท่าใคร่ครวญ
คิดว่าจะง่ายขนาดนั้นเหรอ ถ้าพวกนั้นมีปัญญาขนาดนั้นจริง คงไม่เป็นแค่ลูกน้องพี่ฉายหรอก พวกผู้ชายมันก็ดีแต่ใช้กำลังแบบนี้แหละ ปรียานุชทำท่าไม่เชื่อน้ำยาอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนจึงนิ่งอึ้งไปครู่
คงไม่เป็นไรหรอก รัชกาลที่๑ประทับอยู่ในพระราชวัง มีทหารหลวงอารักขามากมาย พี่โมกกับพี่เช้งคงไม่มีปัญญาเข้าเฉียดใกล้ท่านแน่ๆ นิลเนตรพูด
คนอื่นๆจึงค่อยคลายความวิตกกังวลขึ้นมา เพราะคิดดูแล้วก็เป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ
นั่นซีนะ พี่โมกพี่เช้งคงทำอะไรไม่ได้หรอก ระหว่างนี้ถ้าพี่ฉายตามตัวเจอพวกเขาก่อนก็ดีหรอก หมีอ้วนหวังว่าฉายคงจะช่วยระงับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสีย
ทุกคนเองก็ดูหวังจะพึ่งฉายให้ตามจับโมกกับเช้งให้ได้โดยเร็วที่สุด
ที่พวกเขาสี่คนต้องมาแตกคอกันเอง จะว่าไปก็เป็นเพราะพวกเราเองนั่นแหละ นิลเนตรพูดอย่างเสียใจไม่น้อย
ทุกคนหันไปมองหน้าศิลา
อะไร จะหาว่าฉันผิดอีกล่ะซี ศิลาทำท่าไม่ยอมรับ
ทุกคนได้แต่จ้องเขาอย่างมีโมโห ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่
เกียรติภูมิปรายตามองศิลาแค่แวบเดียวเท่านั้น
พวกเราไปเข้านอนกันเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ถึงพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาหันไปพูดกับคนอื่นๆ จงใจไม่ยอมมองหน้าศิลาอย่างเห็นได้ชัด
นั่นซี ไปนอนกันเถอะ ปรียานุชเองก็เห็นด้วย
ทุกคนจงใจเมินหน้า ไม่ยอมพูดกับศิลาแม้แต่คำเดียว ทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตน
ศิลาเม้นปาก รู้ว่าทุกคนกำลังบอยคอดต์เขาอยู่ โดยการไม่ ยอมพูดด้วยอีกต่อไป
เชอะ นึกว่าเรากลัวหรือไง ไม่อยากพูดกับเรา ก็ไม่ต้องพูดสิ เขาพูดเหมือนไม่หยี่หระ
แต่ลึกๆในใจแล้ว เขาก็อดเจ็บใจไม่ได้เหมือนกัน และนึกกังวลว่าต่อไปคงต้องอยู่ตัวคนเดียว เพราะไม่มีใครยอมคบกับเขาอีกแล้ว
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
|