home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๑๔...
ศิลานำเรื่องนี้ไปขอร้องนิลเนตรให้ช่วย เพราะไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วยได้อีกแล้ว เด็กสาวก็รับปากว่าจะลองดู ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนมีโอกาสก็มาทูลเข้าเฝ้า
มีอะไรหรือ? รัชกาลที่๑รับสั่งถามอย่างปราณี สังเกตว่าท่าทางทั้งสองดูจะมีอะไรสักอย่างแน่ๆ
หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูล นิลเนตรจำต้องพูด
เรื่องอันใด? รัชกาลที่๑รับสั่งถามแย้มสรวล
เรื่องที่ทรงรับปากว่าจะให้หม่อมฉันขออะไรก็ได้ ตอนนี้หม่อมฉันคิดออกแล้วเพคะว่าจะทูลขออะไร
เช่นนั้นก็ว่ามาสิ
เรื่องที่ทรงถูกยิงหนนั้น หม่อมฉันอยากขอให้ทรงอย่าได้ติดใจเอาความอีกได้ไหมเพคะ?
รัชกาลที่๑ทอดพระเนตรเธอเขม็งเป็นครู่ นิลเนตรกับศิลาจำต้องก้มหน้ามองพื้น
จะให้เราอภัยโทษให้กับคนที่ลอบสังหารเราเช่นนั้นรึ? รับสั่งคล้ายไม่พอพระทัยอยู่
จริงอยู่ พี่โมกพี่เช้งทำความผิดเอาไว้ร้ายแรง แต่ทั้งหมดก็เพราะคำยุแยงของพวกเราเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเราเอาเรื่องบ้าๆไปพูดใส่หัวพวกเขาก่อน พวกเขาก็คงไม่ทำเช่นนั้น นิลเนตรพูดขึ้นอย่างเสียใจ
เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ไอ้สองตัวนั้นมันเป็นแค่ไพร่ชั้นต่ำ แต่กลับริการใหญ่ลอบทำร้ายเราผู้เป็นนายเหนือหัว คนไม่ซื่อสองคนนี้เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก วันหน้าคงคิดการอาจหาญอีกเป็นแน่ คนเช่นนั้นจะให้ไว้ชีวิตได้อย่างไร
แต่ทรงรับปากว่า จะทำตามที่หม่อมฉันขอไว้ นิลเนตรทวงสัญญา
รัชกาลที่๑นิ่งอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะทรงรับสั่งกับมหาดเล็กให้เรียกเหล่าขุนนางผู้ใหญ่เพื่อเปิดประชุมเป็นการด่วน ทรงอนุญาตให้นิลเนตรกับศิลาอยู่ฟังการพิจารณาด้วยเป็นพิเศษ
เมื่อเหล่าขุนนางผู้ใหญ่มาอยู่พร้อม รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพระเจ้าแผ่นดิน ก็ทำท่าวิพากษ์วิจารณ์กันไป ซึ่งส่วนใหญ่ดูจะไม่เห็นด้วยที่จะให้ปล่อยตัวคนร้ายไป
ขอเดชะ ข้อสัญญาที่พระองค์ให้ไว้กับท่านนิลเนตรนั้น เป็นเพียงแค่สัญญาส่วนพระองค์เท่านั้น ทรงอย่าได้ถือเอาเป็นจริงเป็นจังไปเลย เรื่องการจับกุมตัวผู้คิดร้ายต่อพระองค์มาลงโทษนั้น แท้ที่จริงเป็นหน้าที่ของกรมการเมือง หาได้เกี่ยวกับสัญญาใดๆของพระองค์และท่านนิลเนตรไม่ อีกทั้งการละเว้นตัวการที่คิดลอบปลงพระชนม์นั้นก็หาควรไม่ ซึ่งต่อไปภายหน้าจะกลายเป็นที่เยี่ยงอย่างได้ อันกฎหมายจะขาดความศักดิ์สิทธิ์เสียมิได้โดยสิ้น นี่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของการปกครองบ้านเมืองให้สงบสุข จะนำเรื่องส่วนตัวมาใช้ตัดสินมิได้โดยเด็ดขาด ขอทรงพิจารณาด้วยเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ
เมื่อมีคนกราบบังคมทูลเช่นนั้น ส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องต้องกันจนเป็นมติเอกฉันท์ และเมื่อเสียงทั้งหมดเห็นพ้องเป็นเช่นนั้น ก็ทรงไม่มีเรื่องจะรับสั่งอีกต่อไป
เช่นนั้นแล้วก็จงปิดประชุมเถิด รัชกาลที่๑กล่าวอย่างไม่มีทางเลือก
นิลเนตรกับศิลาต่างก็มีท่าทางดูผิดหวังอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยเช่นนี้จริงๆ
เมื่อรัชกาลที่๑มีโอกาสอยู่กับนิลเนตรตามลำพัง ก็ทรงถามขึ้นว่า
เจ้ามาขอให้เราปล่อยสองคนนั้น เจ้ามีเหตุผลอันใด?
นิลเนตรไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอรับปากกับศิลาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โมกกับเช้งมาขอร้องเขากับใครเป็นอันขาด
จริงสิ เจ้าบอกว่าคนที่ชื่อฉาย กำลังออกตามหาตัวเจ้าพวกนั้นอยู่ใช่หรือไม่? รัชกาลที่๑ทรงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เพคะ พี่ฉายบอกว่าจะตามล่าทั้งสองคนให้ได้ เขาบอกว่า ไม่จำเป็นต้องให้ฝ่าบาทลากตัวพวกพี่โมกพี่เช้งไปประหาร เพราะเขาจะเป็นคนลงมือเอง นิลเนตรทูลเบาๆ
เราอยากพบกับเขาสักครั้ง ทรงดำริเช่นนั้น
แต่นิลเนตรไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร เพราะเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ฉายไปอยู่ที่ไหน
ทว่าหลังจากที่ทรงมีดำริเช่นนั้นไม่กี่วัน ฉายก็ได้มาเข้าเฝ้าต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ ทำให้นิลเนตรแปลกใจอยู่ไม่น้อย
พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อน รัชกาลที่๑รับสั่งกับทุกคน
ดังนั้นเหล่ามหาดเล็กและนางข้าหลวงจึงทยอยออกไป
นิลเนตร เจ้าก็ด้วย
เอ้อ...เพคะ นิลเนตรจำต้องออกไป ทั้งๆที่อยากรู้
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว รัชกาลที่๑ก็รับสั่งถาม
เจ้าคือคนที่ชื่อฉายใช่หรือไม่?
พะเจ้าค่ะ ฝ่าพระบาทให้คนไปตามหาข้าพระองค์ หรือทรงมีพระประสงค์สิ่งใดพะเจ้าค่ะ? ฉายทูลถามอย่างนอบน้อมด้วยท่าทางยำเกรงอยู่ไม่น้อย
เราอยากรู้เรื่องของคนที่ชื่อโมกกับเช้ง สองคนนี้เป็นคนของเจ้าใช่หรือไม่? รัชกาลที่๑รับสั่งถามสุรเสียงเรียบ
เดิมทีใช่ แต่บัดนี้ถือเป็นศัตรูที่จะอยู่ร่วมแผ่นดินหามิได้ ข้าพระองค์มิอาจคบหากับพวกขบฎโครตเหง้าดอกพะเจ้าค่ะ ฉายทูลเสียงเฉียบ แสดงความโกรธอยู่ลึกๆ
รัชกาลที่๑ทรงเข้าพระทัย และยินดีที่เห็นความภักดีของฉายที่มีต่อพระองค์เป็นแม่นมั่นคงเช่นนี้
เจ้ามีความซื่อสัตย์และภักดีกับเราโดยแท้ หากคนทั้งแผ่นดินเป็นเช่นเจ้าก็คงจะดี
ขออย่าได้ทรงเป็นกังวล ทางโมกกับเช้ง ข้าพระองค์ขออาสาเป็นผู้ตามล่าพวกมันเอง จะมิให้พวกมันมีชีวิตอยู่เป็นที่หนักแผ่นดินอีกต่อไป
แต่พวกเจ้าก็เป็นเพื่อนกันมิใช่หรือ?
ขอเดชะ เดิมข้าพระองค์กับฝางเป็นคนบ้านเดียวกัน คบหากันเหมือนดังพี่น้อง แต่เมื่อครอบครัวของฝางอพยพย้ายไปถิ่นอื่น ข้าพระองค์ก็แทบไม่ได้ข่าวคราวอีก กระทั่งเมื่อราวสักสองสามปีมานี้ บังเอิญเจอกันตอนล่าสัตว์ ฝางก็ขอติดตามข้าพระองค์ โดยโมกกับเช้งตามมาด้วย
เช่นนั้นเจ้าก็หามิได้รู้เรื่องของโมกกับเช้งเลยล่ะซี
ข้าพระองค์ต้องกราบขอประทานอภัย เรื่องของทั้งสองคนนั้น ข้าพระองค์แทบไม่รู้จริงๆ ทราบแต่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกับฝางมานานแล้ว เห็นจะคบกันมาแต่เด็ก ตั้งแต่ที่ฝางย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น พวกเขาสามคนชำนาญเรื่องการดาบพอตัว เห็นจะว่าคงเคย เป็นทหารมาก่อน และมีฝีไม้ลายมืออีกหลายอย่าง โมกเก่งทางด้านการเดินป่า ส่วนเช้งก็แม่นปืนราวจับวาง ข้าพระองค์เห็นพวกเขามีฝีมือเยี่ยม และยังเป็นเพื่อนฝาง จึงได้หลงวางใจคบหาเป็นเพื่อนด้วย แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น พวกมันเองก็หาได้วางใจข้าพระองค์ไม่ จึงเพียงส่งฝางให้มาเกลี้ยกล่อมข้าพระองค์ไปเป็นพวกด้วย แต่ข้าพระองค์ก็หาได้ยอมไม่
รัชกาลที่๑ทรงมุ่นพระขนง หากเป็นตามที่ฉายว่า ฉายเองก็คงจะไม่รู้ที่กบดานของทั้งสองคนเป็นแน่
เช่นนั้นการจะจับตัวทั้งสองคน เห็นทีจะไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าโมกเก่งทางด้านการเดินป่าดังเจ้าว่าจริง พวกเขาอาจหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่าที่ไม่ห่างไกลจากพระนครก็เป็นไปได้
ฉายจึงนิ่งอึ้งเล็กน้อย คิดดูก็อาจจะจริง
เจ้าอาสาจะตามทั้งสองคนให้เรา แต่เจ้ามีความชำนาญในการแกะรอยเดินป่าสักเพียงใด
ข้าพระองค์จะพยายามอย่างสุดความสามารถ
เช่นนั้นก็อย่าดีกว่า ถ้าเจ้าไม่ชำนาญ ก็เสียเวลาเปล่า สู้กับคนที่มีความชำนาญ ก็เหมือนเด็กท้าสู้ผู้ใหญ่
ฉายจึงได้แต่นิ่งอึ้ง
คนที่ยิงเราในครั้งนั้นก็คงจะเป็นเช้ง แต่ที่เรารอดมาได้หนนี้ก็ต้องถือว่าเป็นโชคดีของเรา
ฉายมุ่นคิ้ว เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
รัชกาลที่๑ทรงหยิบสมุดภาพเขียนที่มีรอยรูกระสุนขึ้นมาพินิจดู หากเช้งแม่นปืนราวจับวางจริง ตอนนั้นท่านอาจถึงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะสมุดเล่มนี้เอง
เรื่องของโมกกับเช้งนั้น ข้าจะลองให้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญแกะรอยเดินป่าเข้าไปสำรวจดูตามในป่าที่อยู่ใกล้เขตเมืองเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องไปตามล่าพวกเขาเองดอก ข้ามีภาระอื่นอยากให้เจ้าช่วยด้วย
ทรงจะให้ข้าพระองค์ช่วยการใดหรือพะเจ้าค่ะ?
อีกไม่ช้านาน เราก็ต้องยกทัพนำศึกเพื่อทำสงครามในอีกครา ระหว่างนี้โมกกับเช้งจะมีแผนอย่างไรบ้าง เราหารู้ไม่ เชื่อว่าพวกมันอาจมีแผนการคิดลอบสังหารเราอีกก็เป็นไปได้ สุนัขเมื่อจนตรอกหมดทางสู้ ย่อมไม่เลือกวิธีการ เราเกรงว่าจะมีคนอื่นที่จะต้องมาเดือดร้อนแทนเราไปด้วย ด้วยการนี้เอง หากเป็นไปได้ เราอยากรีบจับพวกมันทั้งสองให้ได้ก่อนที่เราจะต้องกรีฑาทัพออกไป
แล้วจะให้ข้าพระองค์ทำอย่างไรหรือพะเจ้าค่ะ?
เราสังหรณ์ใจชอบกล นับแต่ที่นิลเนตรมาขอร้องให้เราไว้ชีวิตมันทั้งสอง ลางทีพวกมันอาจอยู่ใกล้ตัวเราอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นไปได้ แต่เราไม่เคยรู้จักพวกมัน ไม่เคยเห็นกระทั่งหน้าค่าตามาก่อน ต่อให้พวกมันมาอยู่ตรงหน้าเราเพลานี้ เราก็หารู้แจ้งว่ามันเป็นศัตรูกับเราไม่ เจ้ารู้จักโมกและเช้งดีกว่าใคร การจะจับพวกเขาทั้งสองให้อยู่มือ เราจึงจำต้องขออาศัยพึ่งแรงจากเจ้าด้วย ระหว่างนี้เราจึงอยากจะให้เจ้าคอยอยู่ใกล้ๆ ระแวดระวังสอดส่อง เพราะไม่แน่ว่า โมกกับเช้งอาจจะยังหลบซ่อนตัวอยู่ในพระนครแห่งนี้ก็เป็นไปได้ แลพวกมันอาจยังมีผู้ช่วยเหลืออื่นอีกคอยอยู่เบื้องหลัง
พระองค์สงสัยผู้ใดหรือพะเจ้าค่ะ
เราจะบอกกับเจ้า แต่เจ้าจะต้องพึงระวังอย่าให้ผู้ใดรู้การนี้โดยเด็ดขาด อันจะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้
พะเจ้าค่ะ ข้าพระองค์ขอสัญญา จะปิดปากให้เงียบที่สุด
ขอบใจเจ้ามาก รัชกาลที่๑หันไปหยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาและยื่นส่งให้ฉาย ปืนกระบอกนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในภายหน้าเป็นแน่แท้ เชื่อได้ว่ามันจะช่วยเราได้อีกทาง ขอจงเก็บรักษาให้ดี
เป็นพระกรุณาพะเจ้าค่ะ ฉายรับมาด้วยท่าทางยินดียิ่ง
หลังจากฉายกลับไปแล้ว นิลเนตรก็เข้ามาเฝ้าด้วยท่าทางดูข้องใจสงสัยอยู่
ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรกับพี่ฉายหรือเพคะ? ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ จึงมิให้พวกหม่อมฉันอยู่ฟังด้วย
ถ้าจะเจ้ารู้เช่นนั้น เจ้าจะถามเพื่อการใด? รัชกาลที่๑รับสั่งถาม
นี่แม้แต่หม่อมฉัน ฝ่าบาทก็ยังไม่วางพระทัยหรือเพคะ นิลเนตรอดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้
เจ้าเองก็ไม่ได้ไว้ใจเรานี่ รัชกาลที่๑รับสั่งสุรเสียงเรียบ
ทำไมรับสั่งเช่นนั้น?
โมกกับเช้งมาหาเจ้าใช่หรือไม่? คราวนี้สีพระพักตร์ดูจะโกรธกริ้วเห็นได้ชัด
มิได้เพคะ นิลเนตรตอบตามจริง นับแต่มาถึงพระนครแห่งนี้ หม่อมฉันยังไม่เคยมีโอกาสพบพวกเขาทั้งสองคนเลย
เป็นเช่นนั้นจริงรึ?
หม่อมฉันสาบานได้เพคะ หม่อมฉันจะไม่มีวันทำการใดที่เป็นการทรยศฝ่าบาทเป็นอันขาด นิลเนตรยกมือสาบาน
รัชกาลที่๑ต้องนิ่งอึ้งไปครู่
เอาเถิด สงสัยเราคงจะระแวงไปเอง เราขอโทษด้วย
นิลเนตรขยับเข้าไปจะนั่งใกล้ๆ เมื่อมหาดเล็กคนหนึ่งได้เข้ามากราบบังคมทูล
พระมหาอุปราชเสด็จกลับมาถึงแล้วพะเจ้าค่ะ
ทั้งนิลเนตรและรัชกาลที่๑ต่างก็มีท่าทางดูดีใจมาก แสดงว่าสงครามที่ทุ่งลาดหญ้าคงจะเรียบร้อยแล้วเป็นแน่
แล้วน้องเราอยู่ที่ใด? รัชกาลที่๑รับสั่งถาม
ประทับอยู่ที่ตำหนักหน้าพระพุทธเจ้าค่ะ ทรงรับสั่งว่าเพลาเย็นจะมาขอเข้าเฝ้าเพื่อทูลถวายรายงานผลการศึกครั้งนี้
ดี เช่นนั้นเราก็จะรอ เจ้าจงไปสั่งห้องเครื่องให้เตรียมอาหารเลิศรสไว้ เย็นนี้เราจะทานข้าวพร้อมกับน้องเราที่นี่
พระพุทธเจ้าค่ะ มหาดเล็กผู้นั้นจึงออกจากห้องไป
ยินดีด้วยเพคะ แสดงว่าศึกที่ทุ่งลาดหญ้าเราเป็นฝ่ายมีชัยกลับมา นิลเนตรแสดงความยินดีออกมา เพราะถ้าหากการรบที่ทุ่งลาดหญ้าพ่ายแพ้ กรมพระราชวังบวรคงจะรีบรุดมาเข้าเฝ้าเพื่อขอรับพระราชอาญา แต่การที่ทรงรับสั่งว่าจะมาตอนเย็น แสดงว่าการศึกในครั้งนี้ ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายมีชัยชนะกลับมา
รัชกาลที่๑เองก็มีความยินดีปรีดายิ่งนัก ทรงลืมองค์ไปชั่วขณะ จึงสั่งมหาดเล็กผู้หนึ่งให้นำพระแสงดาบเล่มหนึ่งออกมา
นิลเนตรถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่ รัชกาลที่๑รับมาชักออกดูด้วยท่าทางแสดงเจตนาอันมุ่งมั่นแรงกล้าที่จะเอาชนะศึกคราวหน้าให้จงได้ มิให้น้อยหน้าพระอนุชาธิราชเป็นอันขาด
พระแสงดาบ...ไม่ได้มีแค่เล่มเดียวหรือเพคะ? นิลเนตรถามขึ้นในที่สุด
รัชกาลที่๑ได้สดับก็นิ่งอึ้ง เหล่ามหาดเล็กต่างมีท่าทางดูจะหวาดหวั่นขึ้นมาทันใด เพราะยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดี
ทรงเก็บดาบเข้าฝัก ก่อนจะยื่นส่งคืนมหาดเล็ก ซึ่งอีกฝ่ายรีบนำไปเก็บในตู้และลั่นบานแน่นหนา ราวกับนึกเกรงกลัวอำนาจของพระแสงดาบกระนั้น
เล่มที่เราหักไปนั้นมีชื่อว่าพระแสงดาบคาบค่าย เล่ากันว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้คาบเพื่อลอบเข้าค่ายของข้าศึก จึงได้ชื่อเช่นนั้น แต่เล่มจริงหายสาปสูญไปแต่เมื่อครั้งกรุงเก่าแตก ดังนั้น ่มันจึงเป็นเพียงแต่ของที่ทำขึ้นเลียนแบบ ส่วนเล่มนี้เพิ่งมีคนนำมาถวายเรา เพราะยินว่าเราหักดาบทิ้ง ยังไม่ทันได้ตั้งชื่อ แต่แท้จริงแล้ว...ยังมีอีกเล่มหนึ่งคือพระแสงขรรค์ชัยศรีที่ใช้ในพระราชพิธี รัชกาลที่๑ตรัสสุรเสียงเฉยๆ
ถ้างั้น...ทำไมถึงไม่บอกหม่อมฉันเพคะ?
นี่เจ้ายังคิดจะกลับโลกเดิมของเจ้าอีกเช่นนั้นรึ แต่เจ้าได้ตกปากรับคำสัญญากับเราแล้วนี่ ว่าจะอยู่กับเราที่นี่ตลอดไป
นิลเนตรได้แต่นิ่งอึ้งไปครู่ จริงๆเธอยังไม่เคยพูดอะไรที่เป็นคำมั่นสัญญาเช่นนั้น
เอาเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า เจ้ามาช่วยเราจัดเตรียมการต้อนรับน้องเราที่จะมาร่วมทานข้าวมื้อเย็นนี้เถอะ
กรมพระราชวังบวรเสด็จมาเข้าเฝ้าในเย็นวันนั้น และได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารเป็นการต้อนรับที่เสร็จศึกมีชัยกลับมา
ขอบพระทัยที่ทรงประทานเลี้ยงอาหารพระพุทธเจ้าค่ะ กรมพระราชวังบวรกล่าวอย่างยินดียิ่งนัก
เจ้าเหนื่อยรบกลับมา เมื่อถึงเวลาพักก็ควรหยุดพัก เพราะกาลข้างหน้ายังคงต้องมีศึกกันอีกนาน รัชกาลที่๑ดำรัสยิ้มๆ ด้วยท่าทางดูสบายๆ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
แต่ข้าพระพุทธเจ้าคงหยุดพักนานหาได้ไม่ เมื่อเตรียมจัดทัพเสร็จ ก็ต้องรีบออกไปกวาดไล่เหลือบไรที่เหลือออกไปเสียให้พ้น กรมพระราชวังบวรยังมิวางพระทัย
ไม่ต้องใจร้อนไป เจ้าว่าพวกมันเป็นพวกเหลือบไรมิใช่รึ เช่นนั้นเจ้าจะเกรงสิ่งใดอีก พักให้หายเหนื่อยเสียก่อน แล้วค่อยไปกวาดไล่พวกมันทีหลังก็ยังทัน
นิลเนตรหัวเราะคิกๆ
มีสิ่งใดน่าขำหรือ? รัชกาลที่๑รับสั่งถาม
ฝ่าบาทรับสั่งเหมือนกับพวกตัวร้ายในการ์ตูนเลยเพคะ
ทั้งสองพระองค์ทำพระพักตร์งงๆอยู่ ทำให้เธอยิ่งนึกขำ
ขณะที่ทั้งสองพระองค์กำลังเกษมสำราญเบิกบานพระหฤทัยอยู่นั้น ที่หน้าประตูพระบรมมหาราชวังเอง ศิลาได้นำขบวนขนข้าวของเข้ามา โดยมีทหารสองนายเป็นผู้แบกสัมภาระหีบใหญ่
ทหารยามที่เฝ้าหน้าทวารก็เข้ามาขวางไว้
ขอประทานโทษ เราขอตรวจสัมภาระของท่านเสียก่อน ทหารกล่าวอย่างเป็นการงานด้วยเห็นเป็นหน้าที่ของตน
แม้แต่เราก็ยังต้องตรวจค้นอีกหรือ? ศิลาถาม
มันเป็นราชโองการ ขอท่านเทพโปรดให้ความร่วมมือกับพวกข้าน้อยด้วย ทหารกล่าวอย่างขอลุแก่โทษในที
ศิลาอึ้งเล็กน้อย ก่อนพูดว่า
เอ้า ก็ได้ เร็วๆด้วยนะ
ทหารทั้งสองนายจึงเข้ามาช่วยกันตรวจค้น ซึ่งข้าวของนั้นก็เป็นแค่เสื้อผ้าเสียเป็นส่วนใหญ่ สุดท้ายพวกทหารเห็นว่าคงไม่มี สิ่งใดเป็นพิรุธ จึงยอมปล่อยให้ศิลาพาคนขนของไป
และเมื่อเข้ามาถึงท้ายพระตำหนัก โมกกับเช้งก็ถอดหมวกทหารออก
เข้มงวดจริงนะ เช้งไม่ค่อยพอใจนัก
ไม่แปลกหรอก ก็ช่วงนี้มันอยู่ในช่วงอันตราย สงครามก็ยังไม่จบสิ้น แถมยังมีกบฎอยู่ในเมือง ศิลาพูดเสียงขรึม
เข้ามาในนี้ได้ก็ดีแล้ว พวกมันคงนึกไม่ถึงว่า เราจะอาศัยที่นี่เป็นที่หลบซ่อนตัว โมกกล่าวอย่างพอใจอยู่ไม่น้อย เจ้าทำได้ดีมาก เราจะไม่ลืมบุญคุณที่เจ้าช่วยเหลือครั้งนี้
ศิลานิ่งอึ้งเล็กน้อย หวังแต่ว่าสองคนจะไม่ก่อเรื่องอีก
แล้ว...พระแสงดาบที่พวกพี่สัญญาว่าจะให้ผมล่ะ? ศิลาทวงถาม
โมกจึงนำพระแสงดาบที่ซ่อนไว้ออกมา แล้วยื่นให้อีกฝ่ายรับเอาไป
ศิลาเห็นพระแสงดาบยังหักเป็นสองส่วน ก็มุ่นคิ้วสงสัย
ไหนว่าจะช่วยผมเชื่อมให้เหมือนเดิมยังไงล่ะ?
เราก็อยากจะทำเช่นนั้นอยู่ดอก แต่เพลามันไม่ค่อยมี อีกทั้งเรายังต้องคอยหลบเร้นซ่อนตัว แค่หาคืนมาได้ก็บุญเท่าใดแล้ว เจ้ายังจะต้องการอันใดอีก โมกย้อนถาม
เจ้ามีปัญญาก็คิดเอาเองซี แค่หาคนมาช่วยเชื่อมต่อ เจ้าก็น่าจะทำได้ เช้งบอกกับเขา
แต่ถ้าถูกจับได้ล่ะก็... ศิลากลัวจะต้องอาญา
เจ้ามันขี้ขลาดเสียกระไร เช้งว่าอย่างดูแคลน
จะยังไงก็ตาม ผมอุตส่าห์ช่วยพาพวกพี่เข้ามาหลบซ่อนในนี้แล้ว พวกพี่ก็อย่าเผลอทำพิรุธออกไปจนถูกจับได้แล้วกัน ถ้าให้พวกเพื่อนๆผมเห็นล่ะก็ เรื่องคงไม่จบง่ายดายแน่
เจ้าวางใจเถอะ ทหารมีตั้งมากมาย ผู้ใดเป็นผู้ใดบ้าง หามีทางรู้ได้ดอก โมกพูดอย่างมั่นใจ
ศิลาก็หวังเช่นนั้น จนกว่าพระแสงดาบจะคืนเป็นปกติ
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
|