หน้า 1 2 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๓...

สียงออดหมดชั่วโมง ได้เวลาพักเที่ยง นักเรียนทุกคนเตรียมตัวแยกไปเพื่อจะไปทานอาหารมื้อเที่ยงที่โรงอาหาร แจ่มศรีลุกขึ้น แล้วหันไปพูดกับนิลเนตร
“นิล อย่าลืมไปหาอาจารย์พิชัยล่ะ”
นิลเนตรพยักหน้า “อื้อ รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เด็กสาวรีบเก็บของลงในลิ้นชักโดยเร็ว
ภาคินีหันหน้ามาถามนิลเนตร
“อยากให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่ต้องหรอก” นิลเนตรปฏิเสธอย่างเกรงใจ
“ว่าแต่อาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?” ธิติมาอดสงสัย ไม่ได้
“จะมีอะไร คงจะเรียกไปเทศน์เรื่องที่ชอบมาสาย แถมยังขาดเรียนไง เรื่องคนอื่น ไม่ต้องไปสนหรอก” ปรียานุชพูดอย่างไม่สนใจใยดีว่านิลเนตรจะไปเจออะไรบ้าง
ทุกคนอึ้งไปกันหมด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
ศิลาเห็นเกียรติภูมิทำหน้าขรึม ก็อดยิ้มไม่ได้
“ถ้าเป็นห่วง จะตามไปก็ได้นะโว้ย เกียรติภูมิ”
เกียรติภูมิชักมีอารมณ์ “ไอ้บ้า ทำไมนายถึงชอบยุ่งเรื่องคนอื่นด้วยวะ”
“อะไรกัน พูดแค่นี้ก็ทำร้อนตัว แสดงว่านายคงชอบเขาเข้าแล้วจริงๆล่ะซี นิลเนตร หมอนี่เขาแอบชอบเธออยู่แน่ะ เธอจะว่าไง?” ศิลาหันไปพูดกับเธอดังๆ จนได้ยินกันทั่วทั้งห้อง
ทุกคนจึงหันมามองคนทั้งสามกันเป็นตาเดียว
“ฉันไปก่อนนะ” นิลเนตรหันไปกระซิบกับภาคินี จากนั้นก็รีบผลุนผลันออกจากห้องไป
“อ้าว ไม่ยอมตอบ แถมรีบหนีไปเลย สงสัยจะอาย หรือถ้าไม่งั้นเขาก็คงจะไม่ชอบนายแน่ว่ะ เกียรติภูมิ” ศิลาพูดอย่างเห็นขันเป็นอย่างมาก
ทุกคนจึงโห่ปาก บางคนก็ผิวปากปิ้วๆ เล่นเอาเกียรติภูมิทำอะไรแทบไม่ถูก
ธิติมาเห็นแล้วโมโหแทน “นายศิลา ทำไมนายถึงได้ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นด้วยนะ ว่างมากรึไง”
ศิลาทำเป็นไม่เดือดร้อนที่โดนว่าเช่นนั้น “เอ้า รายนี้ก็ลมเพชรหึงขึ้นหน้าเสียแล้ว เจ็บใจล่ะซี ที่เขาไม่สนใจตัวเอง”
ธิติมาแทบจะร้องกรี๊ดออกมาเสียให้ได้ “ไอ้บ้า ทำไมนายถึงได้เป็นคนเส็งเคร็งแบบนี้นะ คนอะไร ทุเรศจริงๆเลย” พูดจบก็เดินกระแทกเท้าหนีไป
ศิลายิ้มหยัน “ชิ สงสัยพูดโดนแทงใจดำล่ะซี”
หมีอ้วนส่ายหน้า “นายมันก็ชอบปากหาเรื่องจริงๆนี่หว่า ไอ้ศิลา ทำไม ชอบนักเหรอ ที่เห็นคนอื่นเป็นแบบนี้”
ศิลาไม่หยี่หระ “ฉันแค่พูดความจริงต่างหากโว้ย พวกนายอยากร้อนตัวกันเองนี่”
“พูดเอาแต่ได้อีกล่ะ” หมีอ้วนไม่อยากเชื่อ
เกียรติภูมิรำคาญจนไม่รู้จะว่ายังไง “ฉันไปกินข้าวก่อนล่ะ ใครไม่ไปก็ช่าง” เขาทำท่าเดินออกไป
ถ้าพูดถึงของกินล่ะก็ หมีอ้วนไม่รอช้าหรอก เขารีบร้อนตะโกนตามหลัง “เฮ้ย ฉันไปด้วย รอเดี๋ยวซี” จากนั้นก็รีบตามไปติดๆ

าจารย์พิชัยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องพักอาจารย์ เตรียมจะออกไปทานข้าวพอดี เมื่อเหลือบตาไปเห็นเด็กสาวเข้า นิลเนตรมายืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
“อ้าว นิลเนตร มาเร็วจริง เข้ามาก่อนสิ แล้วนี่ทานข้าวมาเรียบร้อยหรือยังน่ะ” อาจารย์ชักสงสัย
นิลเนตรตอบ “ยังค่ะ”
อาจารย์พิชัยมุ่นคิ้ว “อ้าว ทำไมไม่ทานมาก่อนล่ะ เอาเถอะ นั่งลงสิ คุยเสร็จแล้ว ค่อยไปทานข้าวก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ” พูดแล้วจึงนั่งลง รู้สึกเขินๆขึ้นมาเสียแล้ว ตอนนี้เธอกับอาจารย์อยู่กันเพียงแค่ตามลำพัง ไม่เหมือนทุกที
อาจารย์พิชัยมองเธอหน้าขรึมเล็กน้อย ทำเอาเด็กสาวใจฝ่อขึ้นมา เพราะท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
“เรื่องที่อาจารย์จะพูดน่ะ คงจะรู้ตัวนะ มีอาจารย์หลายๆท่านบ่นมาว่า หมู่นี้เราขาดเรียนบ่อยมาก บางทีก็เข้าสาย หรือไม่ก็ไม่มาเลย โดยเฉพาะอาจารย์ธรรมรัตน์ ท่านคาดหวังในตัวเธอมากเลยนะ ท่านตั้งใจจะให้เราเป็นตัวแทนร่วมเข้าแข่งขันทีมบาสหญิง ระดับชาติ แต่เธอก็เอาแต่โดดซ้อม พอเลิกเรียนก็รีบกลับไป ไม่ยอมแวะไปที่ชมรมอีก เพราะอะไรงั้นเหรอ บอกอาจารย์หน่อยได้ไหม”
นิลเนตรหน้าจ๋อยนิดๆ “คือ...คุณแม่ไม่สบายน่ะค่ะ ต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดกระเพาะอาหาร”
อาจารย์พิชัยได้ฟังก็ตกใจ เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
“อ้าว ทำไมไม่บอกกันล่ะ ถ้าอาจารย์รู้ ก็จะได้ช่วยบอกอาจารย์ท่านอื่นๆให้เห็นใจ แล้วนี่คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ เมื่อวานคุณหมอเองก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว หนูก็เลยไปรับท่านกลับบ้าน”
“อย่างงี้เอง เมื่อวานเราเลยหายหัวไปทั้งวัน น่าจะบอกกันก่อนนะ อาจารย์จะได้ช่วยผ่อนผันให้ แต่ถ้าคุณแม่ไม่เป็นไรแล้ว เราคงไม่เอาแต่โดดร่มอีกใช่ไหม”
“เอ้อ...ค่ะ”
อาจารย์พิชัยยิ้ม “งั้นก็ดีแล้ว เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ไปทานข้าวเถอะ”
นิลเนตรงุนงงเล็กน้อย เพราะเอาเข้าจริงๆ อาจารย์ก็ไม่เห็นว่าอะไรเลย
เด็กสาวถอนใจเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากห้องไป

วันรุ่งขึ้น อาจารย์พิชัยมาสอนตามปรกติ แต่วันนี้อาจารย์กลับมีเรื่องต้องบอกทุกคน จึงได้พูดออกไปว่า “อาจารย์มีเรื่องจะปรึกษาทุกคน หลังจากอาจารย์กลับไปคิดดูเมื่อคืนนี้ อาจารย์อยากจะเห็นพวกเธอทุกคนมีความสนใจในวิชาประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นอาจารย์จึงขอเสนอให้มีการจัดทัศนะศึกษาขึ้นมา เพื่อจะได้เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ส่งเสริมให้ทุกคนได้มีความสนใจในวิชาประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้นไปอีก ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้จึงอยากจะขอให้นักเรียนทุกคนไปร่วมด้วย จะเห็นว่าไง”
นักเรียนทั้งหมดพากันโห่ก้อง “ไม่เอา ชิ้วๆ ไม่เอาว้อย ฮู้ๆ”
“เงียบ ใครที่ไปร่วมด้วย จะได้คะแนนวิชาประวัติศาสตร์สิบคะแนน แต่ถ้าใครไม่ไป ก็ต้องทำการบ้านมาส่งด้วย นิลเนตร งานนี้อาจารย์จึงอยากให้เธอไปด้วยให้ได้ ถือว่าเป็นคะแนนช่วย เพราะสอบครั้งก่อนเธอทำคะแนนไม่ดีเลย แถมยังมาขาดเรียนอีก ถ้าเธอไม่ไป อาจารย์ก็คงต้องให้เธอสอบซ่อม หรือไปทำรายงานมาส่งแทน”
นิลเนตรอึกอัก “เอ้อ ค่ะ อาจารย์”
หมีอ้วนถอนใจ ก่อนยื่นหน้าไปพูดกระซิบกับเกียรติภูมิที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา “ไอ้เกียรติภูมิ เพราะนายทีเดียว เมื่อวานดันเอาเรื่องของพระเจ้าตากสินไปพูดแบบนั้น ดูซี จารย์พิชัยเลยเกิดฮึดขึ้นมาจนได้ แกยิ่งบ้าๆประวัติศาสตร์อยู่ ซวยแท้ๆเลย งานนี้นายต้องรับผิดชอบด้วยนะเฟ้ย”
“ชิ” เกียรติภูมิได้แต่ทำเสียงตอบในคอ
ภาคินีหันไปพูดกับนิลเนตรที่โต๊ะข้างๆ แต่คนละแถวตอน
“นิล เธอจะไปจริงๆเหรอ” เด็กสาวถามเบาๆ
นิลเนตรพยักหน้า เพราะไม่มีทางเลือก อาจารย์พิชัยจงใจระบุชื่อเธอ งานนี้จำต้องไปเท่านั้น “อาจารย์สั่งให้ไป ก็ต้องไปซี”
“งั้นเราไปด้วยดีกว่า เผื่อจะไปเก็บภาพอะไรสวยๆมาเป็นแบบเขียนภาพก็ได้” ภาคินีรีบพูดยิ้มๆ
นิลเนตรยิ้มให้เธอ เพราะภาคินีต้องการจะไปเป็นเพื่อนด้วยนั่นเอง
ศิลาได้ยินก็รีบยื่นหน้าไปพูดกับเกียรติภูมิที่อยู่เยื้องแถวถัดไป “เฮ้ย เกียรติภูมิ ได้ยินเปล่า นิลเนตรเขาจะไปร่วมด้วยแน่ะ ถือโอกาสนี้ตีสนิทเลยเป็นไง”
เกียรติภูมิถลึงตาใส่ “อย่ายุ่งได้มั้ย”
ศิลาชักฉุน “อะไรกัน คนอุตส่าห์แนะนำให้ด้วยความหวังดีแท้ๆ”
อาจารย์พิชัยหันมาเห็นพวกนักเรียนยังเอาแต่ซุบซิบกันไม่หยุด “อ้าว ตรงนั้นมัวคุยอะไรกันอยู่ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเร็วๆเข้า” เขาสั่งทุกคน
ดังนั้น นักเรียนชั้นสามบีจึงหยิบหนังสือขึ้นมา

คืนวันเสาร์ ซึ่งเป็นคืนก่อนการทัศนศึกษา อาจารย์พิชัยซึ่งมีความกังวลใจยิ่งนัก เพราะไม่รู้ว่านักเรียนในชั้นของตนจะมีใครยอมให้ความร่วมมือกันบ้าง เขาไปที่ห้องพระเพื่อจุดธูปไหว้ขอพร และกราบบังคมต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จร.๕
“ขอเดชะ ใต้ฝ่าละลองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายพิชัย ธรรมาโรจนะ มากราบบังคมทูล องค์สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงสถิตอยู่บนสวรรค์วิมานชั้นดาวดึงส์พิภพ ณบัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบวิงวอนเพื่ออธิษฐานต่อหน้าเบื้องพระบรมฉายาลักษมณ์ของพระองค์ อันด้วยข้าพระพุทธเจ้ามีใจนึกเป็นห่วงในอนาคตของชาติบ้านเมือง เหล่ายุวชนผู้กำลังหลงระเริงอยู่ในสิ่งผิด ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม หลงใหลในแฟชั่นและแสงสี ใช้จ่ายเงินตราไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง นิยมของนอก ชอบใช้ศัพท์แสงใหม่ๆที่ทันสมัย ทำให้ภาษาไทยต้องวิบัติ มิแม้แต่จะใส่ใจในการเรียน เอาแต่สะดวกสบายตน ขาดความสมัครสมานสามัคคีในหมู่เหล่า แม้จะพูดตักเตือนไปเท่าใดก็หาเคยฟังไม่ ทุกคนต่างก็คิดว่าชีวิตทุกวันนี้ก็สุขีสโมสรดีแล้ว แม้โลกภายนอกจะมีสงครามที่ไหนเกิดขึ้น ก็ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยสักนิด หากขืนเป็นเช่นนี้ ต่อไปชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าชนรุ่นหลังเป็นเช่นนี้กันหมด ขอพระองค์จงได้สำแดงเดชฤทธานุภาพ อิทธิปาฏิหาริย์ โปรดช่วยชี้นำทางให้บรรดายุวชนเหล่านั้นได้กลับตัวกลับใจเสียจงเถิด ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”
หลังจากกล่าวถวายถ้อยคำเสร็จ อาจารย์พิชัยก็ก้มลงกราบลงต่อหน้าเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์

คืนเดียวกันนั้นเอง ที่ห้องนอนของปรียานุช เด็กสาวนั่งเอนหลังอิงหมอนกระดิกนิ้วเท้าอยู่บนเตียง ใบหน้ามารค์ครีมหน้าใส มือเรียวงามข้างหนึ่งกำลังถือโทรศัพท์ไร้สายแนบหู
“นี่ ตกลงจะไปหรือเปล่า” เสียงออยถามดังเล็ดลอดออกมาจากปลายทาง
ปรียานุชยิ้ม ท่าทางไม่เดือดร้อน “ไปซี ตั๋วก็ซื้อมาแล้ว ไม่ไปได้ไง คอนเสริต์พี่เบริ์ดทั้งที ต้องไปดูเสียหน่อย”
ออยถามย้ำ “ไหนว่าที่โรงเรียนมีทัศนศึกษาไม่ใช่เหรอ”
ปรียานุชแค่ได้ยินก็หัวเสีย “โอ๊ย ใครอยากจะไปกัน น่า รำคาญจะตาย ไปดูพี่เบริ์ดยังดีกว่าอีก ใครอยากจะไปก็เชิญไปเองเถอะย่ะ จ้างก็ไม่ไปด้วยหรอก ยี้”
“ตกลงใช่ม้า งั้นห้ามมาสายอีกล่ะ เค้าจะรออยู่ที่หน้างาน เก้าโมงครึ่งนะจ้ะ จะพาไปเลี้ยงไอติมก่อนนะ”
“จ้า แล้วพรุ่งนี้เจอกัน แค่นี้นะ จะนอนแล้ว แต่เดี๋ยวล้างหน้าล้างตาเอาครีมที่มารค์ไว้ออกก่อน” พูดแล้วปรียานุชก็รีบตัดสัญญาณ พอวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก็รีบไปเข้าห้องน้ำ ฮัมเพลงไปด้วยเสียงใสๆ

"พรุ่งนี้จะไปทัศนะศึกษางั้นเหรอลูก” นงเยาว์ถามบุตรี ขณะช่วยกันเย็บปักชุนเสื้อผ้าเก่าๆที่ขาดเพื่อเอากลับมาใช้ใหม่
นิลเนตรตอบ “ค่ะ อาจารย์พิชัยบอกให้ไป เพราะคะแนนหนก่อน หนูทำไว้ไม่ดี แถมช่วงนี้ขาดเรียนบ่อย อาจารย์บอกว่า ถ้าไปก็จะให้10คะแนน ถือว่าเป็นคะแนนช่วย ไม่งั้นก็ต้องไปสอบซ่อม หรือทำรายงาน”
นงเยาว์ทำท่าเข้าใจ “เอาเถอะ ถ้าอาจารย์ว่างั้น ลูกก็ไปเถอะ อย่าให้เสียการเรียนเลยนะ”
นิลเนตรยิ้มนิดๆ พอใจที่มารดายอมเข้าใจง่ายๆ “ค่ะ แม่”

สียงโทรศัพท์ในห้องโถงดังขึ้น เกียรติภูมิไม่เห็นใครมารับสาย จึงเดินไปรับสายเอง “ฮัลโหล”
เสียงศิลาพูดมาตามสาย “เกียรติภูมิเหรอ พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์แล้วนะ นายจะไปทัศนะศึกษาร่วมกับอาจารย์พิชัยด้วยหรือเปล่า”
เกียรติภูมิชักรำคาญ หมอนี้ตื๊อชะมัด “ฉันจะไปหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
ศิลาหัวเราะ “โธ่ คนอุตส่าห์โทรมาเตือนด้วยความหวังดี ถ้านายไม่ไป อาจเสียใจทีหลังก็ได้นะ”
เกียรติภูมิฟังแล้วไม่เข้าใจ “ทำไมฉันต้องเสียใจทีหลัง”
“อ้าว ก็งานนี้ได้ยินมาว่า คนอื่นๆไม่มีใครไปกันเลยสักคน เห็นทีคงจะมีแต่อาจารย์พิชัยกับนิลเนตรแค่สองคน อาจารย์หนุ่มกับนักศึกษาสาวไปเที่ยวด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง ก็คิดดูเองซีว่า จะเป็นไงบ้าง”
เกียรติภูมิฉุนกึก “ไอ้บ้า” พูดจบก็กระแทกหูลงไป

วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันทัศนศึกษานั้นเอง ที่บ้านของหมีอ้วนก็ดูจะยุ่งๆ มีคนนำของมาส่งให้ ใจสิงห์ร้องตะโกนเรียกลูกชายคนโตเสียงโหวกเหวก
“หมีอ้วน หมีอ้วน ฉันบอกให้ออกมาช่วยกันยกของขึ้นข้างบน ไม่ได้ยินรึไง เอาแต่นั่งตีพุงกินขนมอยู่ได้”
หมีอ้วนฟังแล้วรำคาญ “โว้ย รำคาญจริง ทำไมถึงใช้แต่ผมคนเดียว ช้างน้ำก็อยู่ ทำไมไม่เรียกมันบ้าง” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
ใจสิงห์โมโห ที่ใช้อะไรไม่ได้ดังใจ “อุวะ นี่แกเป็นพี่ชายนะโว้ย อีกอย่าง ช้างน้ำมันมีการบ้านต้องทำ”
หมีอ้วนไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้นจริง “การบ้านอะไรต้องทำกันทั้งวี่ทั้งวัน แกล้งอู้น่ะซีไม่ว่า”
“แกไม่ต้องมาเถียงเลยนะ แล้วแกทำอะไร ฉันเห็นวันๆ เอาแต่กินๆ นอนๆ ไม่เห็นยอมช่วยงาน ขี้เกียจสันหลังยาวจริงๆ เลยแก”
“แต่วันนี้ผมไม่ว่าง เดี๋ยวจะต้องไปทัศนศึกษาอีก”
ใจสิงห์งุนงง ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อน
“ทัศนศึกษาอะไรของแกวะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“อาจารย์พิชัยบอกว่าวันนี้จะพาไปทัศนศึกษา ถ้าพ่อไม่เชื่อ ไว้ไปถามอาจารย์พิชัยเองซี ผมไปล่ะ” หมีอ้วนลุกจากเก้าอี้ แล้วรีบเดินออกไปจากบ้านโดยเร็ว “ชิ ขืนอยู่ มีหวังได้โดนจิกหัวใช้ทั้งวันอีกน่ะซี แบบนี้สู้ไปทัศนะศึกษากับอาจารย์เต่าล้านปียังดีกว่า”

นรถแท็กซี่คันนั้น ปรียานุชกำลังนั่งโดยสารเพื่อไปยังสถานที่จัดคอนเสริต์ แต่เสียงมือถือดังขึ้น เธอจึงล้วงจากกระเป๋ามาเปิดสายสัญญาณตอบ
“นี่ เปีย มัวทำอะไรอยู่ ตอนนี้มันเลยเก้าโมงครึ่งมาตั้งสิบห้านาทีแล้วนะยะ ลืมที่นัดกันไว้แล้วรึไง” เสียงออยต่อว่ามา
“แหม ก็เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เช้านี้เลยนอนตื่นสายน่ะ ช้าแค่นิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องโทรมาเช็กกันแบบนี้เลยนี่นา”
“ช้านิดหน่อยอะไรของหล่อนยะ ฉันรออยู่ตั้งนาน คิดว่าหล่อนคงเปลี่ยนใจ ไปทัศนะศึกษาแทนเสียแล้ว”
“ใครจะไปทัศนะศึกษากันยะ ไม่เอาหรอกย่ะ ขี้เกียจ สู้ไปฟังคอนเสริต์พี่เบริ์ดดีกว่า ถ้าอาจารย์พิชัยอยากไปทัศนะศึกษานัก ก็พานักเรียนคนอื่นไปเองซี จ้างให้ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“ถ้างั้นก็รีบๆมาเร็วๆซี”
“รู้แล้ว ตอนนี้ก็กำลังนั่งแท็กซี่ไปอยู่นี่ไง แค่นี้นะยะ” พูดจบก็ตัดสาย เก็บมือถือเข้ากระเป๋าถือ
คนขับแท็กซี่เงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลัง เพราะได้ยินเต็มชัดสองรูหู
“วันนี้ที่โรงเรียนมีทัศนะศึกษางั้นเหรอหนู” คนขับแท็กซี่ถามอย่างสงสัย
ปรียานุชตอบหัวเสีย “ก็ใช่น่ะซีลุง แต่ใครอยากจะไปกัน อาจารย์เต่าล้านปีก็พิลึก เป็นพวกบ้าประวัติศาสตร์ ตัวเองบ้าคนเดียวยังไม่พอ ก็เลยอยากจะให้คนอื่นพลอยบ้าตามตัวเองไปด้วย เลยคิดจะจัดทัศนะศึกษา พาไปดูพิพิธภัณฑ์หรืออะไรไม่รู้แหละ บอกว่าจะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ทำให้ทุกคนเกิดความสนใจในการศึกษา เนี่ยบอกว่า ถ้าใครไปก็จะให้คะแนนตั้ง10คะแนนเลยเชียวนะลุง”
คงนึกว่าลุงคนขับจะเห็นด้วย แต่ที่ไหนได้ ลุงคนขับกลับพูดว่า “โรงเรียนหนูอยู่ไหนเหรอ ลุงจะพาไปส่งเอง”
“หา? เมื่อกี้ว่าไงนะ” ปรียานุชว่าต้องฟังผิดแน่ๆ
“คอนส่งคอนเสริต์อะไรนั่นน่ะ ไว้ค่อยไปดูทีหลังเถอะ ไปทัศนะศึกษาที่โรงเรียนดีกว่าน่า นะ อย่าพลอยทำให้อาจารย์ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจเลย มันไม่ดีนะหนู”
ปรียานุชสะอึก ลงถ้าแบบนี้เรื่องต้องยาวแน่ๆ
“ไม่เอา เค้าไม่อยากไป เค้าไม่อยากไปทัศนะศึกษา เค้าจะไปดูคอนเสริต์พี่เบริ์ด ไม่เอา ไม่เอา”

"โหย ทำไมบ้านนายถึงได้มายากเย็นแบบนี้นักวะ ถนนในซอยอย่างกับทางขึ้นเขาไม่มีผิด แบบนี้มันต้องเรียกถนนโลกพระจันทร์แล้ว ว่าแต่เป็นที่ของส่วนบุคคลรึไง ทำไมหลวงถึงไม่เข้ามาทำให้มันเรียบร้อยล่ะ ในกรุงเทพยังมีที่แบบนี้อยู่อีกด้วยหรือวะ เหลือเชื่อจริงๆว่ะ” หมีอ้วนถามเพื่อนของเขา ตอนเดินเข้ามา ดินก็แฉะๆ เพราะเมื่อเช้าฝนเพิ่งตกหมาดๆ
เกียรติภูมิถอนใจ รำคาญเรื่องนี้เป็นที่สุด แก้ปัญหาไม่ได้เสียที “ก็ที่ส่วนบุคคลแหละ แต่เจ้าของที่เขาบอกไม่มีเงิน”
“อ้าว แล้วทำไมถึงไม่ยกให้หลวงไปเลยล่ะ เขาจะได้เข้ามาทำให้มันเรียบร้อย” หมีอ้วนยังข้องใจ
“มันก็นะ ว่าจะยกให้หลวงเหมือนกัน แต่ไอ้พวกนักการเมืองมันก็ชอบเข้ามาหาเสียงเลือกตั้ง ทำเป็นสัญญาว่าจะช่วยจัดการให้ แต่พอได้รับเลือกไปแล้ว ฉันก็ไม่เห็นหน้าไหนยอมโผล่มาอีก แค่เอาตู้โทรศัพท์มาตั้งทิ้งไว้เฉยๆ แต่สุดท้ายจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครเข้ามาทำให้เสียที ที่แท้ก็หลอกกันทั้งเพ คอยดูนะ เลือกตั้งคราวหน้า ต่อให้มันมากราบเท้ากูเอง กูก็จะไม่เลือกพวกมันอย่างเด็ดขาด”
หมีอ้วนเย้ยหยัน “พวกนักการเมืองมันก็แบบนี้ทุกรายแหละว้า เขาสนใจแต่ปัญหาเศรษฐกิจบ้านเมืองเท่านั้น ไม่สนใจแค่ปัญหาพื้นฐานของชาวบ้านหรอก มันก็แค่แกล้งทำเป็นสัญญิง สัญญาไปงั้นแหละ หลอกให้เราไปช่วยเลือกเพื่อให้มันเข้าไปโกงกินข้างในกันพุงกางแหละวะ ฉันว่าอย่าไปสนเลย ไอ้เลือกต้งเลือกตั้งน่ะ สู้นอนตีพุงอยู่บ้านยังดีกว่าไปเลือกมัน ก็แค่ไปช่วยให้มันมีโอกาสเข้าไปยืดอกในสภา แล้วหาโอกาสดูดเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเท่านั้น หน้าไหนมันอยากจะมาช่วยเราจริงๆล่ะ”
เกียรติภูมิก็พลอยหมดศรัทธาไปด้วย “เฮอะ หน้าไหนๆ ก็เหมือนกันหมดจริงๆ ฉันล่ะเกลียดพวกนักการเมืองที่สุด”
แต่หมีอ้วนรีบพูดว่า “เฮ้ย แต่เขาว่าเป็นนักการเมืองทำแล้วรวยนะเฟ้ย เงินดีกว่าทำราชการเสียอีก ยิ่งได้เข้าไปบริหารงานเองล่ะก็ โอกาสกอบโกยมีออกถมเถไป คนเขาถึงได้อยากเป็นกันไง ถ้ากูมีโอกาสล่ะก็ จะฟาดให้เกลี้ยงไปเลย”
“เออ ระวังพวกกกต.หน่อยนะเว้ย” เกียรติภูมิเตือน
“ล้อเล่นน่า คิดว่าหน้าอย่างฉันจะมีโอกาสได้เป็นกับเขารึไง”
“ว่าแต่แกไม่ได้ไปทัศนะศึกษากับอาจารย์พิชัยเหรอ”
หมีอ้วนยักไหล่ “ใครจะไปให้โง่วะ ขี้เกียจโว้ย แต่อยู่บ้าน ก็โดนพ่อคอยจิกหัวใช้ แกนี่มันโชคดีจริงๆว่ะ เกิดมาเป็นลูกชายคนเดียว พ่อแม่ก็เลยเป็นห่วง รักใคร่เป็นพิเศษ ไม่เหมือนกับฉัน ต้องทำงานงกๆทั้งวัน ฉันมีน้องชายอยู่คน แต่มันเจ้าเล่ห์ฉิบ ไม่เคยช่วยงาน พ่อก็คอยจ้องแต่หาเรื่องใช้ฉันเรื่อย ฉันล่ะเกลียดบ้านนี้จริงๆ สักวันจะออกจากบ้านให้ดู”
เกียรติภูมิไม่สนใจเรื่องนั้น
“มันจะดีเหรอ ถ้าทุกคนไม่มีใครยอมไปกันหมด แบบนี้ก็เหลือแต่อาจารย์กับนิลเนตรแค่สองคนน่ะซี”
หมีอ้วนเลิกคิ้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อะไรกัน นี่เป็นอย่างที่ไอ้ศิลาพูดจริงๆเหรอ นายชอบเขาอยู่ใช่ไหม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ”
“ไอ้บ้า ใครไปหมายถึงแบบนั้นกัน ฉันแค่ห่วงตามประสาเพื่อนร่วมห้องเท่านั้นเอง” เกียรติภูมิทำท่าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ
“แค่นั้นจริงๆน่ะ?” หมีอ้วนยังสงสัย
“แหม ก็การที่อาจารย์จู่ๆก็จะจัดทัศนะศึกษาแบบนี้ มันคงเป็นเพราะเรื่องที่ฉันหยิบยกเอามาพูดใช่ม้า แล้วที่นิลเนตรต้องโดนเรียกตัวไปแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นเพราะฉันยังไงไม่รู้ นายเองยังบอกให้ฉันรับผิดชอบเลยไม่ใช่รึไง”
หมีอ้วนจึงยิ้มขำออกมา
“ดูนายเป็นห่วงเขาจริงๆเลยนะ แต่ไม่เห็นต้องเป็นห่วงไปเลย นั่นมันอาจารย์เต่าล้านปีนะเว้ย อาจารย์ถูกเมียทิ้งไปตั้งแต่ปีมะโว้โน่น ผู้ชายที่ถูกเมียทิ้งนั่นน่ะนะ” หมีอ้วนแค่คิดก็ขำกลิ้งแล้ว
แต่เกียรติภูมิไม่ได้หัวเราะขำตามไปด้วย
“นายรู้หรือเปล่าว่าทำไมอาจารย์ถึงโดนเมียทิ้งไป ทั้งๆที่ใช่ว่าหน้าตาอาจารย์จะดูขี้ริ้ว ถ้าถอดแว่นตาออก ฉันว่าก็จัดเป็นคนหน้าตาดีเหมือนกันนะ ถึงท่าทางจะซื่อบื้อ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเลวร้ายเสียหายตรงไหนเลยนี่”
“เออ จะว่าไปก็อาจนะ” หมีอ้วนก็ชักสงสัย “แล้วนายรู้รึไง?”
"ก็ไม่รู้น่ะซี ถึงได้ถาม” เกียรติภูมิตอบ ทำท่าไม่ค่อยจะชอบใจหน่อยๆ
“ในห้องเราอาจจะไม่มีใครรู้เลยก็ได้มั้ง ว่าทำไมเมียของอาจารย์ถึงได้ทิ้งอาจารย์ไป” หมีอ้วนค่อนข้างแน่ใจว่าคงไม่มีใครรู้แน่ ไม่งั้นได้รู้กันหมดทั้งชั้นเรียนไปแล้ว
“พวกเราได้แต่หัวเราะเห็นเป็นเรื่องขำขัน แต่อาจารย์คงไม่รู้สึกแบบนั้นแน่”
“แหงล่ะ มีใครที่ไม่รู้สึกเห็นเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ฉันก็ดูอาจารย์เฉยๆนะ ไม่เห็นจะทำท่าทดท้อหมดอาลัยอะไรเลยนี่ ว่าไปแกออกดูตลกๆเปิ่นๆด้วยซ้ำ”
“เพราะงี้ก็เลยมีแต่คนเห็นเป็นเรื่องขำขันไงล่ะ ก็ถ้าลองอาจารย์ทำท่าหมดอาลัยตายอยากอย่างแกว่าจริงๆ ทุกคนคงจะพากันเป็นห่วงไปแล้ว”
“หรือแกว่าอาจารย์จะแกล้งทำตัวแบบนั้น เพราะไม่อยากให้ใครมาสงสารเห็นใจ?” หมีอ้วนชักสงสัย
“ไม่รู้ซี อาจเป็นอย่างงั้นก็ได้นี่”
หมีอ้วนจ้องหน้าเกียรติภูมิอย่างช่างใจอยู่
“นายยังโกรธอาจารย์เรื่องนั้นอีกหรือเปล่า?”
“อย่าพูดได้ไหม?” เกียรติภูมิไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว
“ฉันถามเพราะเราเป็นเพื่อนซี้กัน ฉันอยากรู้จริงๆว่านายยังโกรธอาจารย์หรือเปล่า เพราะตอนนั้นอาจารย์ก็พูดกับนายเอาไว้แรงมากน่าดู คิดว่าอาจารย์เองก็คงเสียใจอยู่เหมือนกันนะ”
“นายคิดว่าฉันไม่ควรพาลโกรธอาจารย์ใช่ไหม?”
“ก็ฝ่ายที่รนหาเรื่องก่อน มันนายเองนี่หว่า” หมีอ้วนพูดตรงๆ
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องอาจารย์หรอก แต่ตอนที่อ่านข้อความในเว็บนั่น มันโมโหแทบกระอัก ฉันยังสาบานเลยว่า ถ้าจับตัวการได้ล่ะก็ จะกระทืบให้จมดินไปเลย” เกียรติภูมิพูดอย่างมีน้ำโหอยู่ไม่หาย
“แล้วไม่รู้เลยเหรอว่าฝีมือใคร?”
“ถ้ารู้จะโมโหขนาดนี้เหรอ ป่านนี้ตามไปหักคอมันแล้วล่ะ มันเล่นใช้ชื่อปลอม แล้วใครจะไปรู้ว่าฝีมือใคร ในเว็บน่ะไม่มีใครรู้หรอกว่าใครเป็นใครกันบ้าง เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่มีทางรู้”
“ฉันไม่เคยเล่นอินเตอร์เน็ต เลยไม่รู้หรอก ก็ที่บ้านฉันมันไม่มีคอมพิวเตอร์เหมือนนายนี่ จริงๆฉันก็อยากได้สักตัวเหมือนกันนะ แต่พ่อฉันไม่ยอม เห็นว่าเป็นของสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ”
“ฉันมีตัวเก่าอยู่ตัวนึง ไม่ได้ใช้แล้ว นายจะเอาหรือเปล่า ฉันยกให้ก็ได้” เกียรติภูมิบอกอย่างใจปล้ำ
“ได้งั้นมันก็ดีหรอก แต่ฉันกลัวพ่อฉันจะแอบเอาไปขายน่ะซี มันกินไฟมากหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่รู้ซี” เกียรติภูมิไม่รู้เรื่องนั้น
“งั้นไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพ่อฉันได้โวย แล้วดีไม่ดี น้องชายฉันเกิดอยากได้บ้าง พ่อก็คงบอกให้ฉันยกให้มันไปอีก พ่อฉันเป็นคนแบบนี้แหละ ชอบเอาใจแต่ไอ้เจ้าช้างน้ำมันอยู่เรื่อย อ้างแต่ว่าฉันเป็นพี่ ต้องรู้จักเสียสละให้น้อง ไม่คิดบ้างว่า คนเป็นพี่เองก็มีหัวใจอยู่เหมือนกัน”
“รู้สึกว่าที่บ้านธิติมาเองก็มีพี่น้องหลายคนเหมือนกัน”
“ธิติมา? ยายหมวยนั่นน่ะเหรอ?” หมีอ้วนไม่รู้ว่าเกียรติภูมิจะพูดถึงไปทำไม
“นายกับเขาหัวอกเดียวกัน น่าจะเข้ากันได้ดีก็ได้นะ” พูด ขึ้นยิ้มๆเหมือนจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้
“ไอ้บ้า รู้นะว่านายคิดอะไร ถ้านายไม่ชอบเขา นายก็ไปบอกเขาเองซี ไม่ต้องทำเป็นหาเรื่องโยนมาให้ฉันดีกว่า” หมีอ้วนชักฉุน
เกียรติภูมิจึงได้แต่นิ่วหน้า ไม่พูดอะไรอีก
“ถ้านายเป็นห่วงนิลเนตรมากขนาดนั้น นายก็ตามไปด้วยก็ได้นี่” หมีอ้วนบอก
“จะให้ตามไปงั้นเหรอ?” เกียรติภูมิมุ่นคิ้ว
“ใจจริงนายอยากตามไปใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นทำไมถึงไม่ไปล่ะ มัวแต่ทำกระบิดกระบวนอยู่นั่น แบบนี้นิลเนตรเขาก็ไม่มีทางรู้หรอกว่านายชอบเขาอยู่”
“ฉันไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าชอบเขา” เกียรติภูมิยังทำปากแข็ง
“จะชอบไม่ชอบ แต่ถ้าห่วงขนาดนั้น ก็น่าจะตามไป หรือนายคิดจะแอบห่วงเขาอยู่เงียบๆแบบนี้ตลอดไปกัน?”
เกียรติภูมิทำท่าเหมือนกับคิดได้ เขาตัดสินใจว่าควรตามไปดีกว่า แต่ขณะนั้นเองจู่ๆประตูห้องก็เปิดเข้ามา ศิลาเยี่ยมหน้ามาเห็นทั้งสองคนอยู่กันพร้อมหน้าจริงๆ
“ไง พูดอะไรกันอยู่รึไง ปัญหาเศรษฐกิจล่ะซี หน้าดำคร่ำเครียดเชียว หรือมีข่าวร้ายอะไร บอกกันหน่อยได้ไหม”
“มาได้ไงวะ?” หมีอ้วนถาม
“ก็เดินมาซี คิดว่าเหาะมารึไง ฉันมีข่าวสำคัญมารายงานให้พวกแกสองคนรู้ ฟังแล้วจะหนาวนะเว้ย งานนี้ได้ยินมาว่า มีพวกสาวๆไปร่วมด้วยเป็นหลายคน แต่ไม่มีนักเรียนชายโผล่ไปสักคนเดียว”
หมีอ้วนได้ยินก็แทบไม่อยากเชื่อ “เฮ้ย จริงหรือวะ”
“งานนี้อาจารย์พิชัยหน้าบานเป็นกะโล่ไปเลย เพราะไม่มีนักเรียนชายไปด้วย สบายจารย์เขาล่ะ จารย์เลยได้กลายเป็นดาวล้อมเดือน มีแต่สาวน้อยเอ๊าะๆห้อมล้อมคอยโอบหน้าโอบหลังเต็มไปหมด มีหวังได้พากัน'จารย์คะ จารย์ขา' กันแหงๆ ฉันได้ยินมาว่ายายปรียานุชก็ไปกะเขาด้วยนะ”
“ฮ้า ยายปรียานุชเนี่ยนะ” หมีอ้วนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นยังพอเชื่อ “เฮ้ย แต่ฉันได้ยินเขาคุยโทรศัพท์นัดเพื่อน ว่าจะไปเที่ยวงานอะไรไม่รู้ไม่ใช่เหรอ”
ศิลายักไหล่ “จะไปรู้เรอะ เขาคงเปลี่ยนใจมั้ง แล้วพวกนายจะเอาไง จะปล่อยให้อาจารย์พิชัยหิ้วสาวๆในห้องเราไปหมดเลยหรือไงกัน”
เกียรติภูมิกับหมีอ้วนจึงหันไปสบตากัน ก่อนจะยิ้มออกมา เพราะดูเหมือนว่าจะได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกคนแล้ว

homeย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป