หน้า 1 2 3 4 5 6 8 9 10 11 12
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๗…

ภัทรพลได้เข้ามานั่งรอเหมวันต์อยู่ในห้องรับแขกของคฤหาสน์แดง หนก่อนที่เขามานั้น เขาต้องใช้วิธีขู่ชายชราถึงจะสามารถเข้ามาได้ แต่คราวนี้ชายชราดูจะไม่พูดมาก ยอมให้เขาเข้ามานั่งรอข้างในแต่โดยดี
ชายหนุ่มคิดว่า หากเป็นแบบนี้ เรื่องของเหมวันต์กับฟ้ารุ่งก็ยังพอมีทางเป็นไปได้
เหมวันต์ไม่ได้ปล่อยให้เขารอนาน หลังจากระเด่นออกไปตามเขา ไม่นานเขาก็มาปรากฎตัวขึ้น
ภัทรพลรีบลุกขึ้นยืนทันที
“สวัสดีครับ คุณเหมวันต์” ภัทรพลกล่าวทักทาย
เหมวันต์พยักหน้า
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับ? คุณภัทรพล”
ภัทรพลทำท่าเอามือล้วงกระเป๋า
“ผมมาพูดเรื่องเกี่ยวกับน้องสาวของผม”
เหมวันต์แทบไม่กระพริบตา
“ผมกับฟ้ารุ่งไม่มีอะไรต่อกันอีกแล้ว คุณยังจะมาหาผมด้วยเรื่องนี้อีกทำไม?”
“แน่ใจหรือครับ? ว่าไม่มีอะไรแล้วจริงๆ?” ภัทรพลย้อนถามอย่างไม่เชื่อ
เหมวันต์พยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบไว้
“คุณไปพูดอะไรกับยายเดือนกันแน่? ทำไมเดือนไฉไลถึงได้อารมณ์เสีย...ถึงกับทุบตีฟ้ารุ่งแบบนั้น?”
เหมวันต์หน้าซีดลงไปถนัด
“คุณเดือนทุบตีฟ้ารุ่ง แล้วฟ้ารุ่งเป็นยังไงบ้าง?”
“ไหนว่าไม่เกี่ยวข้องกันแล้วไงครับ ยังจะถามถึงเธอไปอีกทำไม?”
เหมวันต์ซ่อนสีหน้าเจ็บปวดไม่มิด
“ผมยอมรับว่า ผมรักฟ้ารุ่ง แต่เรื่องมันก็จบลงไปแล้ว ก็อย่างที่คุณเห็น ฟ้ารุ่งแค่เห็นผมเป็นของเล่นสนุกเท่านั้น”
ภัทรพลส่ายหน้า
“ผมว่าคุณน่าจะไปลองถามเจ้าตัวดูเองดีกว่า อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเอาเอง ฟ้ารุ่งอาจจะรักคุณจริงๆก็ได้”
แต่เหมวันต์ไม่เชื่อ
ภัทรพลลังเล
“จริงๆแล้ว เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่ยายเดือนเล่ามาเสียทั้งหมดหรอกนะครับ คุณเหมวันต์ คุณไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของเรา แต่ยายฟ้าเป็น...เอ่อ...หมาหัวเน่า เพราะแกไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณพ่อคุณแม่ ผมกับคุณพ่อก็ยังนึกเอ็นดูแกอยู่บ้าง แต่ทั้งคุณแม่และน้องๆของผมต่างก็ไม่ชอบฟ้ารุ่งกันหมด พลอยทำให้ฟ้ารุ่งทนอยู่ในบ้านหลังนั้นต่อไปไม่ไหว สุดท้ายเธอถึงได้ต้องหนีออกจากบ้าน”
เหมวันต์เงียบกริบไปเป็นครู่
“คุณไม่เชื่อเรื่องที่ผมพูดงั้นเหรอ?” ภัทรพลถาม เมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ผมกำลังสับสน ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ แต่อย่างน้อย...เรื่องที่ฟ้ารุ่งเล่ามาดูจะเป็นเรื่องไม่จริงใช่ไหมครับ?”
“งั้นลองพิสูจน์ดูด้วยตาของคุณเองดีไหมครับ?”
เหมวันต์หันไปมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“พิสูจน์ด้วยตัวเองงั้นเหรอ? หมายความว่า...”

ฟ้ารุ่งเข้ามาพบดาราอยู่ในห้องกับลูกสาวคนเล็ก
“คุณป้ามีธุระอะไรจะใช้ฟ้าหรือคะ?” ฟ้ารุ่งถาม เพราะดาราเป็นคนใช้เด็กให้ไปตามหญิงสาวมาเอง
ดารากับดาวฉายสบตากันยิ้มๆ
“คุณแม่เรียกแกมา ก็เพราะมีเรื่องอยากจะพูดกับแกให้เข้าใจไปเลย” ดาวฉายเป็นคนพูดขึ้นมา
ฟ้ารุ่งมองหน้าเธอนิ่งอยู่
“แล้วเรื่องอะไรหรือ?”
ดาวฉายทำตาลุกวาบ
“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? เวลาแกพูดกับฉันน่ะ ให้ลงท้ายว่า ‘คะ’หรือ‘ค่ะ’ด้วย แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร แกเป็นแค่คนอาศัยเขาอยู่เท่านั้น ทำไมสอนอะไรไม่รู้จักจำ?”
“ค่ะ คุณดาวฉาย” ฟ้ารุ่งพูด
“ดีมาก แล้วแกก็คงจะไม่ลืมหน้าที่ของตัวเองด้วย ถ้าแกรักจะอยู่ที่นี่ต่อไป แกก็ต้องรู้จักทำงานทำการ ไม่ใช่มานั่งๆนอนๆเป็นคุณนาย คอยชี้โบ้ชี้เบ้ โบราณว่า ‘อยู่บ้านท่าน อย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น’ คิดว่าแกคงจะเคยได้ยินประโยคนี้นะ”
“ค่ะ” ฟ้ารุ่งตอบเฉยๆ
เธอบอกตัวเองให้อดทนไว้ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะไปจากที่นี่แล้ว
“แล้วก็เรื่องคุณเหมวันต์ด้วย”
ฟ้ารุ่งเงยหน้ามองดาวฉาย เมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อนี้
“คุณเหมวันต์? ทำไมคะ?” หญิงสาวไม่เข้าใจ แต่เธอเริ่มรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“แกไม่ต้องทำเป็นตีหน้าไม่รู้เรื่อง คนอย่างแกน่ะ คิดว่าคู่ควรกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ฉันขอสั่งแกว่า ต่อไปห้ามไปยุ่งกับเขาอีกอย่างเด็ดขาด เพราะคนที่จะแต่งงานกับคุณเหมวันต์ก็คือพี่เดือนไฉไล พี่สาวของฉันต่างหาก”
ฟ้ารุ่งพยายามซ่อนสีหน้าขมขื่น
“ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า? หา?” ดาวฉายทำเสียงดังเกือบเป็นตวาด
“ค่ะ ได้ยิน คุณดาวฉายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะอีกไม่กี่วัน ฉันก็จะกลับลอนดอนแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีก”
ทั้งดาวฉายกับดารากลับมีทีท่าดูพอใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“งั้นก็ดีแล้ว” ดาราพูดขึ้นมาบ้าง “แต่ก่อนที่แกจะไป แกก็ควรทำงานของแกตอบแทนคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฟาดหัวแกมาตั้งแต่แบเบาะ เดี๋ยวแกก็ช่วยฉันปัดกวาดถูบ้านให้สะอาดเหมือนอย่างที่เคย อย่าลืมขัดห้องน้ำทั้งชั้นบนชั้นล่าง ถึงแกจะไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว แต่ฉันคิดว่าแกคงจะจำได้นะว่าอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง”
“ค่ะ คุณป้า” ฟ้ารุ่งไม่กล้าขัดคำสั่ง
“งั้นก็ไปทำงานได้แล้ว ยังจะยืนทื่อหาสวรรค์วิมานอะไรอีก” ดาวฉายตะคอก
ฟ้ารุ่งรีบหมุนตัวออกจากห้อง

ฟ้ารุ่งกำลังใช้ไม้กวาดกวาดพื้นห้องอยู่ เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนมาปรากฎตัวตรงหน้า เธอค่อยเงยหน้าขึ้นจนตาสบตา
“คุณเหมวันต์?” ฟ้ารุ่งแทบไม่อยากเชื่อ
เหมวันต์เองก็แทบไม่เชื่อตาเหมือนกัน ที่มาเห็นเธอทำงานบ้านเองแบบนี้ ทั้งๆที่ดูแล้วบ้านนี้น่าจะมีเงินพอที่จะจ้างคนรับใช้มาทำงานแทนได้ทุกอย่าง
“นี่คุณต้องทำงานแบบนี้ประจำเลยหรือ?” เหมวันต์ถาม
ฟ้ารุ่งอึกอัก
ดารากับดาวฉายที่นั่งดื่มชาโดยไม่ทันรู้ตัว ก็พากันตื่นตกใจไปทั้งคู่
ทั้งสองมองหนุ่มสาวอย่างงงๆอยู่ เพราะไม่เคยรู้จักกับเหมวันต์มาก่อน แต่ถึงกระนั้นก็พอเดาได้ว่าเขาเป็นใคร
รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้เอง เดือนไฉไลถึงได้คิดอยากจะแต่งงานกับเขาให้ได้ โดยไม่สนใจเรื่องอายุของเขา
“อุ๊ย ตายแล้ว คุณเหมวันต์ใช่ไหมคะ?” ดาวฉายรีบตีหน้ายิ้มแย้ม รี่เข้าไปรับหน้าทันที
ดารารู้สึกตัว ก็รีบปั้นหน้ายิ้มออกไปต้อนรับบ้าง
“คุณเหมวันต์มาหายายเดือนหรือคะ?” ดาราถามยิ้มๆ
เหมวันต์มองหน้าเธอ ทราบทันทีว่าเธอเป็นใคร
“คืองี้ค่ะ คุณเหมวันต์อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ นี่เป็นแค่การทำโทษที่พี่ฟ้าหนีออกจากบ้านเท่านั้นแหละค่ะ คุณแม่น่ะเป็นห่วงพี่ฟ้ามาก แต่ถ้าทำใจดีมาก เดี๋ยวจะเหลิงน่ะค่ะ ที่เราทำไปนี่ ก็เพราะหวังดีกับพี่ฟ้าเขา” ดาวฉายรีบแก้ตัวได้เป็นฉากๆ
“ใช่แล้วค่ะ ที่ทำไปก็เพื่อตัวยายฟ้าเอง” ดาราเองก็รีบผสมโรงทันที “ฟ้ารุ่ง ไม่ต้องแล้วลูก แค่นี้ก็พอแล้วจ้ะ ป้าไม่ตำหนิลูกอีกแล้ว เพราะงั้นจะไปไหนก็ไปเถอะ”
ดาราบอกเป็นนัยๆให้เธอรู้ตัวว่าไม่ควรจะมาอยู่เสนอหน้าอีกต่อไป
ฟ้ารุ่งจึงเก็บไม้กวาด แล้วหมุนตัวออกจากห้อง
เหมวันต์ทำท่าจะเรียกเธอ
“คุณเหมมาหรือคะ?” จู่ๆเดือนไฉไลก็มาปรากฏตัวขึ้น เธอรีบปราดเข้าไปกอดแขนเขาทันทีด้วยท่าทางดูดีใจมาก โดยไม่สนใจฟ้ารุ่ง
ฟ้ารุ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
ดาราจ้องเธอตาเป๋ง คล้ายกับจะบอกว่า “ยังไม่รีบไปอีก”
ฟ้ารุ่งรู้สึกตัว ก็รีบออกไป
ภัทรพลมองตามหลังเธอไป รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“คุณเหม เดี๋ยวเราออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันนะคะ” เดือนไฉไลบอกกับเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน
“แต่ผมมาหาฟ้ารุ่ง” เหมวันต์บอก
“คุณเหม!” เดือนไฉไลดูไม่พอใจมาก
“คุณเหมวันต์บอกว่าจะมาทานข้าวกับพวกเราต่างหาก ใช่ไหมครับ คุณเหมวันต์?” ภัทรพลพูดกับเขาอย่างให้รู้กัน
“ต๊าย! เป็นเกียรติ์จังเลยค่ะ ที่คุณเหมวันต์จะมานั่งร่วมทานข้าวกับพวกเรา” ดารารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ชายหนุ่มจะอยู่ร่วมทานข้าวเย็นด้วย
“อุ๊ย! งั้นเราก็ต้องรีบเข้าครัว ไปช่วยกันทำกับข้าวมาให้คุณเหมวันต์ทานอย่างสุดฝีมือน่ะสินะคะ คุณแม่” ดาวฉายรีบพูดกับมารดา
“ให้ยายฟ้าทำดีกว่ามั้ง ขืนเราทำ พี่กลัวคนอื่นๆจะพากันท้องเสียไปเปล่าๆ” ภัทรพลอดไม่ได้
“พี่ภัท!” ดาวฉายแหวใส่
“ตาภัท พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ เดี๋ยวคุณเหมวันต์ก็เข้าใจผิด คิดว่ายายดาวทำกับข้าวไม่เป็นกันพอดี” ดาราพูดออกมา โดยไม่ทันคิดว่า คำพูดของเธอเท่ากับเป็นการประกาศให้คนอื่นรู้ตัวว่าเด็กสาวทำกับข้าวไม่เป็นเลย
“คุณแม่!” ดาวฉายหน้างอ
ดารารู้ตัว ก็ตีหน้าเจื่อนๆ
“แล้วคุณเดือนทำกับข้าวเป็นหรือเปล่าครับ?” เหมวันต์หันมาถามเธอบ้าง
เดือนไฉไลมีสีหน้าดูลำบากใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะตลอดชีวิตเธอไม่เคยเข้าครัวเลยด้วยซ้ำ
“เป็นสิคะ” ดารารีบตอบแทนลูกสาวโดยเร็ว พลางหันไปถลึงตาใส่ภัทรพล เพราะเกรงชายหนุ่มจะแกล้งพูดอะไรออกมาให้เสียเรื่องอีก
ชายหนุ่มยักไหล่ เขาคิดว่างานนี้ไม่ยุ่งด้วยก็ได้
“มาสิจ้ะ เดือน เดี๋ยวไปช่วยแม่ทำกับข้าวเลี้ยงต้อนรับคุณเหมวันต์กัน” ดารารีบพูดกับลูกสาว
เดือนไฉไลจำต้องปล่อยมือจากเหมวันต์ แล้วตามหลังมารดาไปเข้าครัว ดาวฉายเองก็โดนมารดาเกณฑ์ให้ไปเข้าครัวเป็นลูกมือด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อฝึกให้เธอรู้จักวิธีทำกับข้าวไว้

าติชายรู้ว่าเหมวันต์จะมาร่วมทานข้าวเย็น เขาก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบออกมาต้อนรับชายหนุ่มโดยเร็ว
“ถ้าผมรู้ว่าคุณเหมวันต์จะแวะมาเยี่ยม ผมคงจะรีบออกมาต้อนรับแต่แรกแล้ว” ชาติชายพูดแล้วหัวเราะออกมา
“คุณพ่อ ยายเดือนเข้าครัวไปทำกับข้าวให้คุณเหมวันต์ทานด้วยฮะ” ภัทรพลพูดอย่างเห็นขันมาก
“เดี๋ยวออกมาก็รู้เอง ว่าหมู่หรือจ่า แต่อย่างยายเดือนคงจะไม่ลงมือทำเองหรอกมั้ง คงจะใช้ให้คนอื่นทำแทนแหละ ก็รายนั้นทำอะไรเป็นเสียที่ไหน” ชาติชายดูจะไม่เชื่อมือน้ำยาลูกสาวเลยสักนิด
“ไงๆคุณเหมวันต์ก็ช่วยชมกับข้าว‘ฝีมือ’ยายเดือนเขาหน่อยนะครับ” ภัทรพลหันไปพูดกับเขายิ้มๆ
เหมวันต์อดยิ้มนิดๆไม่ได้
“แล้วฟ้ารุ่งล่ะครับ? ผมขอคุยกับเขาตามลำพังสักครั้งได้ไหมครับ?” เหมวันต์ถามชายกลางคนเพื่อขออนุญาต
ชาติชายเลิกคิ้วน้อยๆ
“ก็เอาซี เดี๋ยวผมจะให้เด็กไปตามให้” เขาพูด
“ไม่ต้องครับ ผมจะไปหาเธอเอง ว่าแต่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” เหมวันต์ถาม
ชาติชายขมวดคิ้ว เพราะเขาเองก็เพิ่งกลับมา
“คงจะอยู่ที่ห้องมั้ง คุณเหมวันต์จะขึ้นไปก็ได้ เดี๋ยวผมพาไปเอง แต่เรื่องนี้ห้ามให้ยายเดือนรู้เป็นอันขาดจะดีกว่านะครับ เพื่อความปลอดภัยของยายฟ้า” ภัทรพลพูด
เหมวันต์ทำท่าเข้าใจ
“ขอบคุณครับ”
แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินตามหลังชายหนุ่มไป

ฟ้ารุ่งกำลังยืนมองออกไปทางหน้าต่าง เมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“ใครคะ?” เธอถาม
“พี่เอง ช่วยเปิดประตูที” เสียงภัทรพลตอบ
ฟ้ารุ่งจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อให้เขาเข้ามา
แต่คนที่เดินเข้ามาในห้องกลับเป็นเหมวันต์
“คุณ...” ฟ้ารุ่งได้แต่จ้องเขา
เหมวันต์ยิ้ม ก่อนจะใช้มือปิดประตู
ฟ้ารุ่งรีบเดินห่างออกมา
“คุณมาทำไมคะ? คุณเหมวันต์” เธอพยายามทำเป็นลืมเรื่องต่างๆที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด
เหมวันต์เดินเข้ามาใกล้
“ผมจะมาจับผิดคนโกหก”
ฟ้ารุ่งหน้าซีดเล็กน้อย
“แล้วไงคะ? ถึงคุณจะรู้แล้ว คุณจะทำอะไรฉันได้”
เธอเชิดหน้าใส่เขาอย่างถือดี
เหมวันต์ยิ้ม ดูจะไม่โกรธเธอเลยสักนิด
“ฟ้ารุ่ง ผมคงจะไม่มีเวลาพูดคุยกับคุณมากนัก เพราะผมไม่อยากให้คุณต้องเดือดร้อน ถ้าป้าของคุณกับพวกพี่สาวคุณรู้ว่าผมเข้ามาในห้องคุณ คุณคงจะถูกเขากลั่นแกล้งเอาอีกใช่ไหมครับ?”
ฟ้ารุ่งหน้าเผือดเล็กน้อย
“ตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ผมอยากจะช่วยคุณออกไปให้พ้นจากขุมนรกโดยเร็ว ทางเดียวที่ผมจะทำได้คือ ผมต้องแต่งงานกับคุณ”
ฟ้ารุ่งผงะ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอแต่งงานแบบนี้
ไม่ใช่คำขอแต่งงานทั่วๆไป แต่เป็นการบอกเล่าให้ฟังเฉยๆว่าควรทำอย่างไร
“ผมมาบอกคุณแค่นี้ก่อน แล้วผมจะพูดกับลุงของคุณทีหลัง ผมต้องไปแล้วล่ะ รักษาตัวด้วยนะครับ ฟ้ารุ่ง”
เหมวันต์รีบหมุนตัวไปเปิดประตู
ฟ้ารุ่งอยากจะเรียกเขามาพูดกันใหม่ให้รู้เรื่อง แต่เธอก็กลัวว่าจะถูกพวกป้าของเธอจับได้ แบบนั้นมีหวังเรื่องใหญ่แน่
เธอคิดว่าคงต้องหาโอกาสคุยกับเหมวันต์ทีหลัง โดยที่ไม่ให้พวกป้าของเธอรู้เป็นอันขาด

อได้เวลาอาหารมื้อเย็น ชาติชายก็ชวนเหมวันต์ไปนั่งทานข้าวด้วยกัน เขาให้ชายหนุ่มนั่งข้างๆทางขวามือ ดังนั้นลูกชายของเขาจึงย้ายมานั่งอยู่ทางซ้ายแทน แน่นอนว่าเดือนไฉไลเองก็ตามไปนั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆเหมวันต์ราวกับเป็นคู่รักคู่ใคร่ที่จวนเจียนจะแต่งงานกันอยู่รอมร่อ
ดาวฉายย่นจมูกให้พี่สาว เพราะเธอเองก็ยังไม่มีแฟน ก็อดนึกอยากจะเป็นคนที่นั่งข้างๆเขาแทนไม่ได้ เพราะดูดีๆแล้ว ชายหนุ่มดูหล่อมาก มาดก็เท่ราวกับพระเอกในนิยายไม่มีผิด ถึงตอนนี้จะดูเหมือนแก่เกินไปสำหรับเธอ แต่อีกไม่นานเธอก็ต้องไล่ตามทันแน่
คิดขึ้นมาแล้วเธอก็อดรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่ได้ ที่จะต้องยกประโยชน์ให้กับพี่สาว ชาตินี้เธอจะมีปัญญาหาที่ดีกว่านี้ได้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้
เหมวันต์มองรอบๆอย่างไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจอีกแล้ว ที่ไม่ได้เห็นฟ้ารุ่งมาร่วมโต๊ะด้วย
“ฟ้ารุ่งล่ะครับ?” เขาทำทีเลียบเคียงถามออกไป อยากจะรู้ว่าทุกคนจะแก้ตัวยังไง
ชาติชายกับภัทรพลทำหน้าเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ดาราดูมีสีหน้าอึกอักอย่างเห็นได้ชัด เดือนไฉไลก็หน้าบึ้งงอขึ้นมาที่จู่ๆชายหนุ่มก็ถามถึงผู้หญิงอีกคน แถมยังเป็นคนที่เธอชังน้ำหน้าอีกต่างหาก
“พี่ฟ้าน่ะหรือคะ? ถูกทำโทษให้ไปทานข้าวในครัวค่ะ” ดาวฉายตอบเหมือนเป็นเรื่องปรกติธรรมดา
“เรื่องที่หนีออกจากบ้านน่ะหรือครับ?” เหมวันต์ถาม
“ก็นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังจะมีเรื่องไหนอีกล่ะคะ รู้สึกคุณเหมจะสนใจเรื่องเด็กคนนั้นมากเกินไปหน่อยแล้วนะคะ เด็กใจแตกแบบนั้นน่ะ ให้มานั่งร่วมโต๊ะกับเรา มีแต่จะพลอยทำให้ทานข้าวไม่ลงไปเปล่าๆ” เดือนไฉไลอดพูดขวางๆไม่ได้
“ทำไมคุณถึงเรียกฟ้ารุ่งแบบนั้นล่ะครับ?” เหมวันต์หันมาถามเธอ
“ก็แม่นั่นมันใจแตกจริงๆนี่คะ คุณเหมวันต์ไม่รู้เรื่องอะไร แม่ฟ้ารุ่งน่ะ ริอ่านมีผัวตั้งแต่อายุแค่สิบสองเท่านั้น แถมยังเคยให้ท่าคุณพ่อกับพี่ภัทอีกด้วย”
เหมวันต์หันไปมองชาติชาย อีกฝ่ายหน้าแดงแจ๋ แล้วก็รีบส่ายหน้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
“ถ้าคุณเหมไม่เชื่อ ลองถามคุณแม่กับยายดาวดูก็ได้” หญิงสาวท้าให้เขาลองถามดู
เหมวันต์จึงหันไปมองดารากับดาวฉายสลับกัน
“ใช่ค่ะ เด็กคนนั้นน่ะ เข้าข่ายประเภท คลำแล้วขอให้มีหางเป็นใช้ได้ทั้งนั้น” ดารารีบพูดเสริมให้ฟังดูหนักแน่น
เหมวันต์ทำหน้าขรึม
“ถ้าฟ้ารุ่งก่อเรื่องขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ไล่ออกจากบ้านไปเสียแต่แรกล่ะครับ?”
“แหม...เราก็อยากจะไล่อยู่หรอก แต่คุณพ่อกับพี่ภัทน่ะสิ หลงแม่นั่นอย่างกับอะไร คอยออกรับแทนกันอยู่เรื่อย” ดาวฉายแทบจะค้อนควักใส่คนทั้งสองที่เธอพูดถึง
“ถ้างั้นผมจะช่วยเอาไหมครับ?” ชายหนุ่มถามหน้าตาเฉย
ทุกคนพากันชะงัก เมื่อได้ยิน
“ช่วย? คุณจะช่วยยังไงคะ?” เดือนไฉไลสงสัย
“ก็ช่วยเอาตัวฟ้ารุ่งออกไปจากชีวิตพวกคุณ ถ้าให้ฟ้ารุ่งไปอยู่กับผมแทน พวกคุณก็ไม่ต้องพากันเดือดร้อนเพราะเด็กคนนั้นอีกต่อไป”
ทุกคนเงียบกริบกันไปเป็นครู่
เหมือนกับโยนระเบิดลงมาตูมใหญ่ไม่มีผิด
ชาติชายดูพอใจมาก เกือบจะซ่อนสีหน้ายินดีไว้ไม่อยู่
เดือนไฉไลลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินจ้ำออกจากห้องโดยไม่เหลียวหลัง
“ยายเดือน!” ดาราเรียกลูกสาวอย่างเป็นห่วง
“ช่างเถอะคุณ เราทานข้าวกันดีกว่า” ชาติชายบอกไม่สนใจอาการของบุตรสาว
ภัทรพลรู้สึกไม่สบายใจ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ฟ้ารุ่งต้องเจอเคราะห์หนักแน่

“ที่คุณพูดออกไปแบบนั้นน่ะ คุณหมายความว่ายังไงหรือครับ? คุณเหมวันต์” ภัทรพลถาม ขณะเดินออกมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเขา ทั้งคู่เตรียมจะกลับบ้านของเหมวันต์
“เรื่องอะไรหรือครับ?” เหมวันต์กลับถามเขาราวกับไม่เข้าใจ
“คุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องซีครับ ผมหมายถึงเรื่องที่คุณพูดว่าจะรับฟ้ารุ่งไปอยู่ด้วย คุณอย่าบอกนะว่าคุณแค่พูดไปงั้นเอง คุณทำให้น้องสาวผมโมโหน่าดู”
เหมวันต์ยิ้มนิดๆ
“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหม? ว่าผมรักฟ้ารุ่ง”
“ใช่ แต่ตอนนั้นคุณบอกว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว”
“ก็เพราะตอนนั้นผมยังไม่ทราบเรื่องที่แท้จริง แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาแบบนี้ จะให้ผมอยู่เฉยๆได้อย่างไรอีกครับ”
“แปลว่าคุณจะแต่งงานกับเธอใช่ไหมครับ?”
“แล้ว...คุณเห็นว่ายังไง?”
ภัทรพลหยุดยืนข้างๆรถ เขายังไม่ไขกุญแจ
“ถ้าคุณจะแต่งงานจริงๆ ก็คงต้องมีปัญหา สำหรับคุณพ่อคงไม่เท่าไหร่ เพียงแต่คุณต้องยอมให้สิ่งที่ท่านต้องการมากที่สุดไป คิดว่าคุณคงจะทราบใช่ไหมว่ามันคืออะไร”
“ยาอมตะ” เหมวันต์ตอบ
“ใช่ ถ้าคุณอยากจะแต่งงานกับฟ้ารุ่ง คุณจะต้องบอกสูตรยาให้คุณพ่อทราบอย่างเดียวเท่านั้น ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าคุณจะได้แต่งงานกับเธอเลย”
เหมวันต์เข้าใจ
“ถึงคุณพ่อจะเอ็นดูยายฟ้าแค่ไหน แต่ท่านเองก็อยากจะได้สูตรยานั่นมากจริงๆ”
“แล้วคุณล่ะ?” เหมวันต์ถามเสียงเรียบ
ภัทรพลยักไหล่
“ผมน่ะยังไงก็ได้ เพราะผมยังไม่แน่ใจว่าการใช้ชีวิตอยู่เป็นนิรันดร์นี่มันจะทำให้เรามีความสุขได้จริงหรือเปล่า แต่ถ้าคุณพ่อต้องการอย่างงั้น ผมก็ไม่ว่าอะไร”
เหมวันต์ทำท่าเข้าใจดี
“ทางด้านคุณแม่อาจจะยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ผมให้คุณพ่อไปพูดด้วยหน่อย ก็คงไม่กล้าว่าอะไรแล้ว ยิ่งได้สูตรยาอมตะมาด้วย คุณแม่ก็คงจะไม่พูดมากอีก ถึงคุณแม่จะรักยายเดือนแค่ไหน แต่ถ้าแลกกับการได้กลายเป็นสาวสองพันปี คุณแม่ก็คงจะแกล้งทำเป็นมองผ่านไป นี่แหละความรักของแม่ที่มีต่อลูก สุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้ยาอมตะอยู่ดี” ภัทรพลอดพูดเยาะหยันไม่ได้
เหมวันต์ไม่วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น
“แต่ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ยายเดือน แกอยากจะเอาชนะคุณให้ได้ แกคิดว่าถ้าได้แต่งงานกับคุณ ก็จะได้สูตรยาอมตะเหมือนกัน”
ชายหนุ่มมุ่นคิ้วหนัก เพราะรู้สึกว่าปัญหานี้ดูจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย ถ้าเขาทำให้หญิงสาวโกรธ ฟ้ารุ่งก็ต้องกลายเป็นคนรับเคราะห์ไปอีก
ภัทรพลเองก็กำลังคิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน
“ผมจะพยายามอย่างดีที่สุด ไม่ให้ยายเดือนทำอะไรฟ้ารุ่งได้ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะคุ้มกันได้สักแค่ไหน เพราะงั้นผมถึงคิดว่า คุณควรทำดีกับเดือนไฉไลไว้ดีกว่า ว่างๆลองชวนออกไปทานข้าวนอกบ้านก็ดีนะครับ”
“แต่ผม...”
“ถ้าคุณรักและเป็นห่วงฟ้ารุ่ง ไม่อยากเห็นเธอเดือดร้อน คุณก็จำต้องฝืนใจทำบ้าง แล้วคุณก็รอหาจังหวะเหมาะ ไปสู่ขอยายฟ้ากับคุณพ่อ หลังจากพวกคุณแต่งงานกันแล้ว ฟ้ารุ่งก็เท่ากับเป็นอิสระจากคุณแม่และน้องๆของผมเอง”
เหมวันต์พยักหน้า
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ คุณภัทรพล”
ภัทรพลฝืนยิ้มนิดๆ
“ไม่เป็นไร ผมก็แค่ทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่ดีของยายฟ้าก็เท่านั้น” เขาพูด ก่อนจะไขกุญแจประตูรถ
จากนั้นเขาก็ขับรถไปส่งชายหนุ่มถึงที่บ้าน

home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป