home อ่านหน้าต่อไป
สู่ปลายทางสายนิรันดร์
๑
เสียงฟ้าคะนองดังกึกก้อง แสงสีทองแปลบปลาบสว่างวาบไหว ลางบอกเหตุแห่งพายุร้ายกำลังมาเยือน ในค่ำคืนที่อบอ้าวอยู่เล็กน้อย
เขายืนอยู่ข้างหน้าต่างลูกกรงเหล็กดัด ทอดสายตามองเหม่อลอยออกไปไกล เวลากี่โมงยามแล้วไม่ทราบ แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไปสำหรับเขา มันช่างทรมานและยาวนานยิ่งนัก
ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับมามองสิ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ กรงนกที่มีนกหงส์หยกขาวเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และกำลังจ้องมองเขาดูราวกับจะบอกให้ปล่อยมันออกไป
เขายื่นมือไปแตะกรงด้านบน นกน้อยเอียงคอมองเขา เหมือนอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับมัน
ดาวขาว เจ้าคงเบื่อกับชีวิตในกรงมากซีนะ แต่รู้มั้ยว่า โลกภายนอกมันอันตรายมากแค่ไหน นกตัวเล็กๆอย่างเจ้าคงจะไม่สามารถเอาตัวรอดไปได้หรอกนะ ชายหนุ่มพูดกับมันออกไป แม้จะไม่แน่ใจว่ามันจะเข้าใจความหมายที่เขาพูดหรือเปล่า
ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เคยคุ้นจนจดจำได้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา ถึงจะไม่หันกลับไป เขาก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เหม...ได้เวลานอนแล้วนะ ชายสูงวัยกว่าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงขรึม
เหมวันต์ค่อยหันกลับไปมองด้วยสีหน้านิ่งเฉย
คืนนี้...ผมต้องถูกฉีดยาอีกหรือเปล่าครับ คุณอา?
ดร.ชลัมยิ้มให้กับเขา
เหมกลัวเข็มฉีดยาเหมือนกันเหรอ? เขาถามอย่างคนมีอารมณ์ขันจนเห็นได้ชัด
เปล่าครับ แต่ผมกลัวตายมากกว่า
ดร.ชลัมถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
ไปนอนที่เตียงเถอะ เดี๋ยวอาจะฉีดยาให้
แค่เป็นหวัดแค่นี้ คงไม่ต้องถึงกับฉีดยาก็ได้นี่ครับ
แต่ถ้าฉีดยา ก็จะช่วยให้หายเร็วขึ้นนะ เชื่อที่อาพูดสิ ไปนอนบนเตียงเร็ว
เหมวันต์ถอนใจ เขาเดินไปนอนลงบนเตียง
ดร.ชลัมเข้ามาช่วยเขาจัดผ้าห่มให้ ก่อนจะเริ่มทำการใช้เข็มฉีดยาให้กับชายหนุ่ม
อีกสักพักเดียว เหมก็จะไม่รู้สึกตัว หลับให้สบายเถอะนะ เหม ดร.ชลัมพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังเหมือนมาจากที่ไกล
เหมวันต์ค่อยๆหลับไปอย่างช้าๆ จนไม่รับรู้อะไรอีก ไม่ได้ยินแม้เสียงฝนที่เริ่มเทกระหน่ำลงมา
ดร.ชลัมยิ้มให้กับร่างนั้น
หลับให้สบายเถอะนะ เหม หลับให้สนิทไปจนถึงเช้าพรุ่งนี้เลยนะ แล้วทุกอย่างก็จะดีไปเอง
เป็นเวลาดึกมากแล้ว เมื่อชลิศาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนกับมีลางสังหรณ์เกิดขึ้น เสียงฟ้าแลบแปลบปลาบทำให้เธอต้องสะดุ้ง เธอไม่เคยชอบเสียงฟ้าร้องแบบนี้
เด็กสาวลุกจากเตียง หยิบเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน ก่อนที่จะย่องออกจากห้องเงียบๆ โดยไม่ให้มารดาของเธอรู้
เธอเดินออกมาตามระเบียงทางเดิน เมื่อเห็นแสงไฟในห้องของเหมวันต์สว่างอยู่ และประตูก็ไม่ได้ปิดอีกด้วย
เธอจึงเดินเข้าไปดู เห็นบิดาของตนกำลังประคองร่างชายหนุ่มลงจากเตียง
คุณพ่อทำอะไรพี่เหม? ชลิศาแทบไม่อยากเชื่อตาตัวเอง
ยายศา เวลานี้ทำไมไม่เข้านอน มาทำอะไรที่นี่? ดร. ชลัมรู้สึกไม่พอใจมากเมื่อถูกจับได้
ศากำลังถามคุณพ่อนะคะ คุณพ่อคิดจะทำอะไรพี่เหม จะพาพี่เหมไปไหน?
ไม่ต้องยุ่ง นี่มันเรื่องส่วนตัวของพ่อ
จะไม่ให้ศายุ่งงั้นเหรอ? เห็นจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะสิ่งที่พ่อทำมันเข้าข่ายอาชญากรรม คุณพ่อคิดจะฆ่าพี่เหม
ดร.ชลัมมีสีหน้าเคร่งขรึม
ศา พ่อขอร้องล่ะ เชื่อใจพ่อหน่อยเถอะ พ่อสาบานได้ว่าไม่เคยคิดร้ายกับเหมวันต์ แล้วพรุ่งนี้ลูกจะรู้เอง
แต่ชลิศาไม่เชื่อ เธอมองบิดาอย่างผิดหวังมาก
ไม่ค่ะ คุณพ่อนั่นแหละ ที่ควรวางพี่เหมลง และเลิกคิดเรื่องนี้ดีกว่า พี่เหมดีกับพวกเราสารพัด คุณพ่อยังจะใจร้ายฆ่าเขาได้ลงคออีกหรือคะ? หนูเคยนึกว่าคุณพ่อเอ็นดูพี่เหมเหมือนลูกแท้ๆเสียอีก แต่ที่แท้...
พ่อบอกแล้วว่าไม่ได้จะฆ่า เพียงแต่ว่า...
เพียงแต่ว่าอะไรคะ? ชลิศาย้อนถาม
ดร.ชลัมไม่ได้ตอบ เพราะตอนนั้นเองก็มีมือยื่นมาจากทางด้านหลังของเด็กสาว พร้อมกับใช้ผ้าชุบยาสลบปิดปากจมูกของเธอไว้ จนร่างของเธออ่อนระทวยและพับลงไป
ไม่ไหวเลย ดร.ชลัม เวลาแบบนี้ยังจะใจอ่อนอีก
จู่ๆก็มีชายอีกสองคนปรากฎกาย คนหนึ่งมีท่าทางเป็นหัวหน้าขบวนการครั้งนี้
แก...อย่าทำอะไรลูกสาวฉันนะ ดร.ชลัมอุทาน
ช่วยไม่ได้ ก็แม่นี่อยากสอดรู้สอดเห็นดีนัก
ถ้าคุณทำอะไรลูกสาวผม ผมจะไม่ให้ยากับคุณ และจะไม่ช่วยคุณผลิตยาอมตะอีก ดร.ชลัมพูด
อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อย คำขู่นั้นใช้ได้ผลตามที่คาดไว้
ก็ได้ เพื่อการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ถ้าอยากได้ร่างกายที่เป็นอมตะ คงจะต้องเอาใจนายเสียหน่อย งั้นฉันจะละเว้นลูกสาวนายสักคนก็ได้ แต่นายจะต้องมอบยาให้กับฉัน หลังจากการทดลองขั้นสุดท้ายเสร็จสิ้น
ได้ ตอนนี้ผมเองก็ได้เหยื่อทดลองมาแล้วนี่ไง คุณให้พวกลูกสมุนของคุณพาเขาไปสิ
ชายหนุ่มหันไปพยักหน้ากับลูกสมุนทั้งสอง ทั้งคู่จึงมาช่วยกันหิ้วปีกร่างที่ไม่ได้สติของเหมวันต์
เจ้าของคฤหาสน์แดงเป็นเหยื่อทดลองเสียเอง ก็นับว่าเป็นเหยื่อที่วิเศษมาก หลังจากการทดลองเสร็จสิ้น ฉันจะช่วยส่งแกไปโลกหน้า คนที่จะเป็นอมตะ มีเพียงฉันคนเดียวก็พอ
ศา! ศา! ตื่นเถอะลูก สาวิตรีร้องเรียกลูกสาว
ชลิศาค่อยรู้สึกตัวอย่างงุนงง
เกิด...เกิดอะไรขึ้น? เธอรู้สึกเหมือนกับจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นลูก เลยรีบออกตามหา ก็เจอลูกนอนอยู่ในห้องนี้แล้ว เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ ทำไมลูกมานอนอยู่ในห้องคุณเหมวันต์ แล้วคุณเหมไปไหน?
ชลิศานึกขึ้นได้ก็รีบลุกขึ้น
ไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบตามหาคุณพ่อโดยเร็ว
มีอะไรงั้นเหรอ? คุณพ่อเขาทำอะไร? สาวิตรีชักจะเป็นกังวลขึ้นมา
คุณพ่อจะฆ่าพี่เหม เราต้องรีบไปห้าม
สาวิตรีจ้องหน้าลูกสาวนิ่งอยู่
ศาพูดจริงๆนะคะ คุณแม่ คุณพ่อจะฆ่าพี่เหม
ศา ตอนที่แม่ตื่นน่ะ ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าแม่ได้ยินเสียงปืน แต่แม่ก็ไม่แน่ใจ
ชลิศาหน้าซีดทันที เมื่อได้ยินมารดาพูดเช่นนั้น
คุณแม่...
แต่ว่าศา คุณพ่อน่ะไม่มีทางฆ่าคุณเหมวันต์หรอกนะลูก เพราะความจริงแล้ว...คุณเหมน่ะเป็น...
แก...เจ้าดร.ชลัม นี่แกกล้าหักหลังฉันอย่างงั้นเหรอ?
ช่วยไม่ได้นี่ครับ คุณทะนง ก็คุณอยากคิดจะฆ่าลูกชายของผมเองนี่นา ดร.ชลัมพูด ในมือของเขายังคงมีปืนลูกซองถืออยู่
ลูกชาย? หมายความว่า...ไอ้หมอนี่เป็นลูกชายของแกงั้นเหรอ? นี่แกเป็นชู้กับเมียพี่ชายแกเองงั้นหรือ? แกนี่มันชั่วช้ากว่าที่ฉันคิดเสียอีกแฮะ ฮ่า ๆ ฉันชักจะชอบใจแกแล้วซี
คุณอยากจะพูดอะไรก็ได้ ผมเคยสาบานกับเธอเอาไว้ว่า จะคอยปกป้องชีวิตลูกชายของเราเอาไว้ เหมวันต์กลัวความตาย ผมถึงต้องช่วยให้เขาหลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่ผูกมัดเขาเอาไว้ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยเขาไว้ได้ ตอนนี้ผมเองก็เพิ่งจะมอบชีวิตนิรันดร์ให้กับเขาไป แล้วผมจะปล่อยให้คุณฆ่าเขาได้ยังไง เหมวันต์จะต้องมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องไม่ตาย
ก็ได้ เรื่องนั้นจะยังไงก็ได้ทั้งนั้น แต่แกมอบยามาให้ฉันมาก่อนสิ แล้วฉันจะจากไปโดยดี โดยไม่คิดทำอันตรายลูกชายของแกอย่างแน่นอน
ยาน่ะเหลืออยู่แค่หลอดสุดท้ายแล้ว แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถผลิตยาแบบนั้นได้อีกครั้งหรือเปล่า
คำพูดประโยคนั้น ทำให้ชายทั้งสามถึงกับมีอาการนิ่งเงียบอย่างน่ากลัว เพราะนั่นหมายความว่าคนที่จะมีชีวิตนิรันดร์ได้นั้น มีได้แค่อีกคนเดียว
ยานั่นน่ะอยู่ในห้องด้านใน ผมไม่ต้องการยานั่นอีกแล้ว เชิญพวกคุณแย่งชิงกันเอาเองเถอะ รีบเข้าไปเอากันเองสิ
สามชายต่างจ้องหน้ากัน ก่อนจะรีบพากันวิ่งเข้าประตูไปโดยเร็ว
ไม่จำเป็นต้องตามเข้าไปดู เขาก็รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทั้งสามจะต้องแย่งชิงกันเป็นเจ้าของสุดชีวิต โดยแลกกับชีวิตของเพื่อนอีกสองคน
ดร.ชลัมรีบประคองร่างของลูกชายขึ้นบันไดลับเพื่อหนีออกจากห้องใต้ดินนั้น
คุณพ่อ! ชลิศาตามมาพบทั้งสองคน
ศา พ่อฝากเหมวันต์ด้วยนะ ดร.ชลัมบอกกับลูกสาว
คุณพ่อคะ ที่คุณแม่บอกว่า พี่เหมเป็นพี่ชายแท้ๆของหนู นั่นเป็นเรื่องจริงหรือคะ?
ใช่ เหมวันต์เป็นลูกชายของพ่อเอง เป็นลูกที่เกิดจากผู้หญิงที่พ่อรักมากที่สุดเพียงคนเดียว ศา พ่อขอโทษด้วย พ่อคงจะไม่ใช่พ่อที่ดีของพวกลูกๆ
ชลิศาสั่นสะท้านไปหมด
เลวมาก คุณพ่อเองก็รู้ดี ว่าหนูไม่เคยคิดกับพี่เหมในฐานะพี่ชายมาก่อน หนูรักพี่เหม ได้ยินไหมคะ? หนูรักเขา
ดร.ชลัมมองเธออย่างเสียใจ
พ่อขอโทษด้วย แต่ลูกคงต้องตัดใจจากเขา พวกลูกไม่สามารถแต่งงานกันได้หรอกนะ ชลิศา เมื่อเหมวันต์ฟื้นแล้ว จงมอบสิ่งนี้ให้กับเขาด้วย มันเป็นสูตรยาที่พ่อคิดค้นขึ้น หลังจากอ่านจบแล้ว ให้เขาจัดการเผามันทิ้ง อย่าให้มันตกไปอยู่ในมือคนชั่วเด็ดขาด สักวัน...เหมวันต์อาจจำเป็นจะต้องใช้สูตรยานี้อีกก็ได้ เมื่อเขาได้พบกับคนที่เขาอยากจะร่วมชีวิตอยู่ด้วยกัน
ชายกลางคนยื่นม้วนกระดาษให้กับเด็กสาว
ชลิศาจำต้องรับไปถือไว้
แล้วคุณพ่อจะไปไหน? เด็กสาวถามอย่างนึกสังหรณ์ใจ
พ่อต้องปกป้องเหมวันต์ ต้องกำจัดคนที่คิดร้ายกับเขาให้หมดสิ้น ไม่งั้นพ่อจะไม่มีวันสบายใจ
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของดร.ชลัม ก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากชีวิตของทุกคน
คืนนั้นเองได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่คฤหาสน์แดง เป็นการลุกโหมที่รุนแรงที่สุด เป็นภาพความทรงจำที่ตราตรึงจิตใจทุกคนในระแวกนั้นอย่างไม่มีวันลืมเลือน
ห้าสิบปีต่อมา
รถยนต์คันนั้นกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์แดง โดยมีคนขับรถ และชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งตอนหลัง
นั่นหรือครับ? คฤหาสน์แดงที่คุณพ่อพูดถึง ชายหนุ่มเพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรก
นั่นแหละ คฤหาสน์แดงล่ะ ชาติชายพูดยิ้มๆอย่างรู้สึกกระหยิ่มใจ เพราะความฝันของเขากำลังจะกลายเป็นจริง
ภัทรพลถอนใจ ไม่เข้าใจริงๆว่าทำไมบิดาของเขาถึงได้อยากจะเป็นเจ้าของคฤหาสน์โทรมๆแบบนี้
ห่างจากตัวเมืองเกือบสามกิโลเมตร ไม่มีทั้งไฟฟ้าและน้ำประปา ต้องอาศัยเครื่องปั่นไฟเองจากน้ำคลอง สภาพแบบนี้คงจะไม่มีทีวี ดีไม่ดี อาจไม่มีแม้กระทั่งพัดลมใช้ก็ได้
แต่ถ้าได้เม็ดเงินจากบริษัทมาช่วยหมุน ก็เป็นอีกเรื่อง เพียงแต่เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่า ที่รกร้างว่างเปล่าจะมีอะไรที่น่าดึงดูดให้ต้องอยากมาลงทุน
ผมว่า...เสียเงินเปล่าๆน่า คุณพ่อ เอาเงินไปลงทุนกับรีสอร์ทของผมที่เชียงรายยังจะดีกว่าเลย ภัทรพลพูด
เรื่องนั้นฉันรู้หรอกน่า แกไม่ต้องมาสอนก็ได้ นี่น่ะมันไม่เกี่ยวกับตัวเงินหรอกนะ เพราะเงินยังหาซื้อไม่ได้เลย
ภัทรพลขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น
เงินก็หาซื้อไม่ได้เหรอ? ในโลกนี้มีของที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ด้วยหรือฮะ? ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อ
ชาติชายอมยิ้ม
เดี๋ยวพอแกได้เห็นหน้าเจ้าของคฤหาสน์แดง แล้วแกก็จะได้รู้เอง
ภัทรพลขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่เข้าใจความหมายที่บิดาพูดเลยแม้แต่น้อย
รถยนต์มาจอดลงที่หน้าตัวอาคารพอดี
ไม่มีคนออกมาต้อนรับ ราวกับเจ้าของบ้านไม่อยู่
ชาติชายเปิดประตูลงจากรถออกมาก่อน ภัทรพลเองก็ตามลงมายืนข้างๆ
เอ๊ะ? หรือว่าจะไม่มีคนอยู่? ภัทรพลสงสัย
ชาติชายขมวดคิ้ว
ไม่หรอก พ่อสืบมาอย่างดีแล้ว คุณเหมวันต์...เจ้าของบ้านน่ะ ไม่เคยก้าวออกจากบ้านมากว่าห้าสิบปีแล้ว
ห้าสิบปีเชียวหรือครับ? ภัทรพลไม่เชื่อหู เขาเป็นคนยังไงหรือครับ? หรือเป็นพวกที่ไม่ชอบสมาคมกับคนอื่น?
เปล่าหรอก เขามีเหตุผลที่ทำให้ออกจากบ้านไม่ได้น่ะสิ ชาติชายพูดยิ้มๆเป็นนัยอยู่
เหตุผลที่ทำให้ออกจากบ้านไม่ได้? ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอะไรแบบนั้นด้วย
ภัทรพลคิดว่าเหมวันต์จะต้องเป็นผู้ชายแก่ๆหัวโบราณที่นิสัยพิลึกแน่
เดี๋ยวพ่อจะลองเคาะประตูดูก่อน ชาติชายบอก แล้วจึงเดินไปที่ประตูซึ่งปิดอยู่ แต่พอสังเกตดูแล้วก็พบว่า ไม่มีทั้งที่เคาะประตูและกริ่งด้วยซ้ำ
ชาติชายงงเล็กน้อย ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่ามีระฆังเล็กๆห้อยอยู่ใกล้ประตู
อ้อ ใช้ระฆังนี่เอง ก่อนยื่นมือไปสั่นระฆัง
ฮึ เดี๋ยวนี้ยังมีคนใช้ของแบบนี้อีกหรือเนี่ย? นี่มันยุคสมัยอะไรกันแล้วนะ บ้านป่าเมืองเถื่อนแท้ๆ ภัทรพลพูด
เอาน่า แบบนี้แหละ ถึงค่อยดูสมกับเป็นตัวเขาหน่อย เราก็เพียงแต่ตามๆให้ทันแล้วกัน ชาติชายพูดอย่างไม่เดือดร้อนอะไรเลย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมาก
งานนี้ชาติชายดูใจเย็นมาก ไม่บ่นแม้กระทั่งอากาศร้อนอบอ้าว แสดงว่าเรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในแน่ๆ
คิดแล้ว ภัทรพลก็คิดว่ารอดูไปเรื่อยๆก่อนดีกว่า
ในที่สุดก็มีคนออกมาเปิดประตู เป็นชายสูงวัยผมขาวโพลนทั้งศีรษะ ภัทรพลเกือบคิดว่าเป็นเหมวันต์เสียอีก
มาหาใครหรือคุณ? ชายชราถามเสียงแหบเล็กน้อย
ผมมาพบคุณเหมวันต์ เจ้าของบ้านครับ ชาติชายพูดด้วยน้ำเสียงฟังสุภาพ แต่ก็ชวนให้เกรงขามอยู่
ชายชรามองเขาแต่ศีรษะจดเท้า ก่อนจะเหลือบตามองภัทรพลที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ขอโทษด้วย พวกคุณนัดท่านเอาไว้หรือเปล่า? ชายชราถามในที่สุด
เปล่าครับ แต่ผมมีธุระสำคัญจริงๆ คิดว่าคุณเหมวันต์น่าจะพอปลีกเวลาสักเล็กน้อยให้กับเราได้ ชาติชายบอก
เสียใจด้วยครับ ถ้าคุณไม่ได้นัดเอาไว้ก่อนล่ะก็ ผมก็คงจะให้เข้าพบไม่ได้ ชายชราทำท่าปฏิเสธ
เดี๋ยวสิคุณ พวกเราไม่ได้เดินทางไกลมาจากกรุงเทพฯ ก็เพื่อมาฟังคำปฏิเสธแบบนี้หรอกนะ คุณคิดว่าเรื่องมันจะจบลงอย่างง่ายดาย แค่เราพูดว่า ครับ ผมเข้าใจแล้วอย่างงั้นเหรอ? ภัทรพลรีบพูดโดยเร็ว ก่อนที่ชายชราจะปิดประตูใส่หน้าพวกเขาเสียก่อน
ชายชรามุ่นคิ้วเล็กน้อย
งั้นพวกคุณจะเอายังไง? เขากลับย้อนถาม
ช่วยกรุณากลับไปเรียนคุณเหมวันต์ด้วยว่า ผม...ชาติชาย พิพัทธ์สว่างกุล ประธานบริษัทพิพัทธ์เสน กับลูกชายมาขอพบ หากเขาไม่ให้เราเข้าพบในวันนี้ อาจต้องเสียใจทีหลังก็ได้
ชายชราเงียบกริบไปเป็นครู่ ก่อนตอบว่า
งั้นพวกคุณรออยู่ตรงนี้ก่อน ขอเวลาผมไปรายงานให้กับเจ้านายของผมทราบ
ครับ แต่ช่วยเร็วๆด้วยนะครับ เพราะข้างนอกอากาศมันร้อนไปหน่อย ผมไม่ค่อยถูกกับอากาศร้อนๆแบบนี้เท่าไหร่
ชายชราไม่ตอบ แต่เขาปิดประตูลง
อะไรของมันวะ? ไอ้แก่นั่น จะเชิญเราเข้าไปหน่อยก็ไม่ได้ ภัทรพลชักจะหมดความอดทนเสียแล้ว
ใจเย็นๆน่า ก็ใครใช้ให้เราอยากจะมาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญเองล่ะ แต่อีกเดี๋ยวไอ้แก่นั่นกับเจ้านายมันจะต้องน้ำตาตก เมื่อได้ยินเรื่องที่เราจะบอกมันแน่ๆ
ภัทรพลเลิกคิ้ว พอคิดได้เช่นนั้นก็ค่อยสบายใจขึ้นมาได้หน่อย
แต่อากาศข้างนอกก็ร้อนเหลือจะทน แดดแรงเปรี้ยงจนแทบตับไหม้
เราไปนั่งรอในรถดีกว่า ผมทนยืนตรงนี้นานๆไม่ไหว ภัทรพลบอก
ชาติชายพยักหน้า เขาเองก็ไม่ค่อยออกแดดแบบนี้มาก่อน มีหวังได้น้ำหนักลดไปอีกสามกิโลแน่
สองพ่อลูกกลับไปคอยที่รถ โดยให้คนรถไปคอยยืนรอชายชราที่หน้าประตูแทน
เฮ้อ! แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ที่นี่มันมีอะไรดึงดูดพ่อนักหนา ทำให้อยากจะมาอยู่ที่นี่นัก
ใครว่าฉันจะมาอยู่วะ? ให้ช้างลากมา ฉันยังไม่เอาเลย ขนาดโทรศัพท์ก็ยังไม่มี แล้วใครจะไปอยู่ได้
อ้าว แล้วทำไมคุณพ่อถึงดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้ล่ะ?
ภัทรพลชักจะไม่เข้าใจบิดาของเขาเองเสียแล้ว
คนอย่างชาติชายไม่น่าจะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล
ชายกลางคนยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเห็นได้ชัด
แกน่ะ รู้เรื่องของคนที่ชื่อเหมวันต์สักแค่ไหน?
ภัทรพลขมวดคิ้ว
ทำไม? หมอนี่มันมีอะไรพิเศษหรือไง? หรือว่ามันมีสามเศียรหกกร
ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็จัดว่าพิเศษกว่าคนปรกติทั่วไป อีกเดี๋ยวแกก็จะได้รู้เห็นด้วยตาแกเอง แต่ถ้าหากว่า มันเป็นเรื่องแหกตากันจริงๆล่ะก็ ฉันจะเชือดไอ้หมอนั่นซะ
ภัทรพลเห็นแววตาเหี้ยมเกรียมของบิดาแล้วก็ชักพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นชาติชายเป็นแบบนี้มาก่อน
สักครู่ คนขับรถของเขาก็รีบเข้ามาบอกให้รู้ว่า ชายชราต้องการคุยกับพวกเขา
สองพ่อลูกรีบลงจากรถ แล้วออกไปพบกับชายสูงวัยที่ยืนรออยู่หน้าประตู
เชิญพวกคุณตามผมมาได้ ท่านรออยู่ที่ห้องหนังสือ
พูดแล้ว ชายชราก็หมุนตัวเดินนำทางเข้าไปโดยไม่พูดมาก
ชาติชายหันมาพยักหน้ากับภัทรพล แล้วทั้งคู่จึงเดินติดตามหลังชายชราเข้าไปในบ้าน
บรรยากาศในบ้านไม่ค่อยร้อนเหมือนข้างนอก แต่ก็ไม่ได้เย็นขนาดที่พวกเขาจะรู้สึกพอใจได้ พวกเขาชอบห้องที่มีติดเครื่องปรับอากาศมากกว่า
พวกเขาเดินกันมาจนสุดทางเดิน จนถึงห้องหนึ่ง
ท่านอยู่ห้องนี้ครับ ชายชราหันมาบอก
ก่อนที่เขาจะหันไปเคาะประตูเบาๆ
เข้ามา มีเสียงผู้ชายตอบกลับมา
ภัทรพลขมวดคิ้ว เพราะเสียงนั้นฟังดูยังหนุ่มอยู่
หรือว่าจะมีใครอยู่ในนั้นอีกคน
ชายชราเปิดประตูเพื่อให้พวกเขาเข้าไป
ชาติชายเดินเข้าไปก่อน ภัทรพลเองก็เดินตามเข้ามาด้วยกัน แล้วจึงมองสำรวจรอบๆห้อง เพื่อหาดูว่ามีใครอยู่ในห้องนั้นบ้าง
เขาไม่เห็นใคร นอกจากชายหนุ่มเจ้าของเสียงพูด ไม่เห็นมีชายแก่ๆที่น่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
เชิญนั่งก่อน ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ
คุณคือ... ชาติชายทำท่าถาม แต่ท่าทางของเขาราวกับจะเดาได้
คุณต้องการจะพบผมไม่ใช่เหรอ? ผมนี่แหละ...เหมวันต์ เจ้าของคฤหาสน์แดงที่พวกคุณต้องการพบ
ภัทรพลมองตะลึงอย่างไม่เชื่อ
แต่ชาติชายไม่ตกใจเลยสักนิด เขากลับยิ้มอย่างพอใจมากที่ได้เจอตัวชายหนุ่มเสียที
ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อชาติชาย และนี่ลูกชายคนโตของผม ภัทรพล ชาติชายแนะนำตัวเองและลูกชายให้รู้จัก
หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเหมวันต์ แล้วก็นั่งไขว่ห้างอย่างแสดงให้เห็นว่าเป็นต่ออยู่
ภัทรพลเองก็นั่งลงอย่างงงๆ ดูไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เขาคิดว่าเหมวันต์จะต้องเป็นผู้ชายอายุแปดสิบ แต่ที่เห็นๆอยู่นี่ ดูจะอายุพอๆกับเขาเอง
คุณคือ...เหมวันต์จริงๆหรือ? ภัทรพลถาม ท่าทางดูยังไม่ค่อยอยากเชื่อ
ใช่ เหมวันต์ตอบ ไม่ได้ทำท่าเหมือนคนโกหก
ภัทรพลมึนจนบอกไม่ถูก
ผมคิดว่าคุณเป็นคนแก่ๆอายุแปดสิบเสียอีก ก็เห็นคุณพ่อพูดเหมือนกับว่า คุณไม่เคยย่างกายออกจากคฤหาสน์แดงมากว่าห้าสิบปีแล้ว
เหมวันต์หันมามองชาติชายทันที
คุณดูจะรู้เรื่องของผมมากนี่ คุณไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนกัน?
ชาติชายยิ้มกริ่ม
โอ๊ะ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก ผมไม่เคยไปซอกแซกเรื่องของชาวบ้าน ไม่ชอบเรื่องสุมหัวนินทาไร้สาระด้วย
งั้นคุณรู้เรื่องของผมได้ยังไง? เหมวันต์ถามอีก
ก็จากหลานชายของคุณเองน่ะซี จะมีใครอีกล่ะ?
เหมวันต์นิ่ง
พูดกันเข้าเรื่องเลยแล้วกัน พอผมได้ยินเรื่องราวของคุณ ผมก็เกิดความสนใจ อยากจะได้สูตรยาอมตะที่ทำให้คนเราไม่แก่ไม่ตาย ผมเองก็อยากจะเป็นเหมือนคุณนั่นแหละ มีอายุยืนยาวไปอีกร้อยๆปีพันๆปี
ก็เลยจะมาขอซื้องั้นหรือ?
เปล่าครับ มาแลกเปลี่ยนกันต่างหากล่ะ กับอิสรภาพของหลานชายคุณเอง
อิสรภาพของหลานชายผม?
ใช่ ถ้าคุณรักและเป็นห่วงหลานชายของคุณ ไม่อยากจะเห็นเขาต้องติดคุกล่ะก็ เรามาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า
home อ่านหน้าต่อไป
|