หน้า 1 2 4 5 6 7 8 9 10 11 12
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๓…

ช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าดูสดใส ไม่มีเค้าฝนจะตกเลยสักนิด ทำให้รู้สึกว่าวันนี้อาจมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ได้
เหมวันต์ออกมาเดินเล่นตามปรกติ เขารู้สึกว่าทิวทัศน์รอบๆดูสวยกว่าทุกๆวัน
ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้พบเธอเข้า
“เป็นอะไรหรือครับ?” เขาเดินเข้าไปถาม เพราะท่าทางของเธอเหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่
“ฉันเจ็บเท้าค่ะ สงสัยข้อเท้าจะเคล็ด” ฟ้ารุ่งตอบ แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างขอร้อง
เหมวันต์อึ้งเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างๆเธอ และได้กลิ่นหอมอ่อนๆออกมาจากตัวเธอ
เหมวันต์อดใจเต้นขึ้นมาไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้นอกจากกลิ่นตัวจะหอมแล้ว เธอยังดูสวยอีกต่างหาก เขาไม่ค่อยเจอสาวๆสวยๆมากนัก
ชายหนุ่มเตือนตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน
“แล้วคุณพักอยู่ที่ไหนเหรอ? เดี๋ยวผมจะช่วยพาคุณไปส่งเองก็ได้” เหมวันต์บอก
“ฉันพักอยู่ที่กระท่อมตรงเนินนั่นไงคะ” ฟ้ารุ่งชี้ให้ดู
เหมวันต์นิ่ง
ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เพื่อนบ้านใหม่คือเธอคนนี้เอง
“ช่วยพยุงฉันกลับไปหน่อยได้ไหมคะ? ตอนนี้ฉันเจ็บจนลุกเดินเองไม่ไหว” ฟ้ารุ่งพูดกับเขา
เหมวันต์มองหน้าเธอ
“ผมว่า...ผมจะกลับไปบอกให้คนที่บ้านคุณมารับเองจะดีกว่า คุณนั่งรออยู่ตรงนี้แล้วกัน”
“แต่ฉันอยู่คนเดียว” ฟ้ารุ่งรีบบอก
เหมวันต์ขมวดคิ้ว
“คุณอยู่คนเดียวเหรอ? ทำไมถึงเป็นงั้นล่ะ? แล้วพ่อแม่พี่น้องคุณหายไปไหนหมด?” เหมวันต์ไม่อยากเชื่อว่า ผู้หญิงปรกติที่ไหนจะมาอยู่ที่เปลี่ยวๆแบบนี้ตามลำพัง
“พ่อแม่ฉันเสียชีวิตไปตั้งแต่ฉันจำความไม่ได้ ญาติก็ไม่มีเหมือนกัน ฉันต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด จนเมื่อปีก่อน...ฉันหลงคิดว่าจะฝากความหวังไว้ที่เขาได้ แต่ที่ไหนได้...”
สีหน้าของเธอดูขมขื่น แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนัก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เหมวันต์ถาม
“เขามีผู้หญิงใหม่ เรื่องมันก็แค่นั้นแหละ” เธอทำท่ายักไหล่เหมือนกับไม่แคร์
เขาอดนึกสงสารเห็นใจเธอไม่ได้ ท่าทางเธอทำเหมือนปากแข็ง แต่จริงๆคงกำลังเสียใจอย่างหนัก
“ดีแล้วล่ะ ผู้ชายใจคอโลเล รักง่ายหน่ายเร็วแบบนั้นน่ะ คุณเลิกกับเขาไปดีกว่า” เหมวันต์บอกเธอ
ฟ้ารุ่งพยักหน้า
“ฉันเองก็พยายามคิดแบบนั้น ตอนนี้ฉันหนีมาตั้งหลักที่นี่ก่อน เพราะยังไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี โชคยังดีว่าเรายังไม่ได้มีลูกด้วยกัน”
เหมวันต์นึกเห็นใจ อยากจะช่วยปลอบเธอ แต่เธออาจไม่ชอบก็ได้
“ลุกขึ้นเถอะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยพยุงคุณกลับไปเอง”
หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้น แต่ท่าทางเธอดูจะเจ็บไม่ใช่เล่น ชายหนุ่มจึงเข้ามาช่วยโอบประคอง
ทันทีที่สัมผัสกับร่างเล็กบอบบาง เขาก็รู้สึกถึงความอุ่นนุ่มของเธอ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่น่าสนใจอยู่มาก
“เดินช้าๆนะครับ ระวังอย่าทิ้งน้ำหนักลงขาข้างที่เจ็บ” เหมวันต์บอก
ฟ้ารุ่งเกาะแขนเขา เดินเขยกช้าๆ
“ขอบคุณมากค่ะ คุณใจดีจัง ฉันชื่อฟ้ารุ่งค่ะ แล้วคุณล่ะคะ?”
“ผมชื่อเหมวันต์” เหมวันต์ตอบ
ฟ้ารุ่งยิ้ม เธอได้พบกับเป้าหมายแล้ว
“คุณอยู่แถวนี้หรือคะ? ฉันกำลังอยากจะรู้จักเพื่อนบ้านไว้สักคน เผื่อในยามฉุกเฉิน”
เขายิ้มขำเล็กน้อย
“คุณก็ได้รับการช่วยเหลือทันใจแล้วไงครับ”
เธอพลอยยิ้มขำไปด้วย
“คุณยังไม่ได้บอกเลย บ้านคุณอยู่ไหน?”
“ผมอยู่แถวนี้เอง เดินลงไปหน่อย ก็จะเห็นมีบ้านหลังใหญ่ๆ นั่นแหละ...บ้านผมล่ะ”
“อ๋อ หลังนั้นเอง ตอนมาถึงเมื่อวาน ฉันมองเห็นบ้านคุณก่อนใคร เพราะหลังใหญ่สะดุดตา”
“แถวๆนี้ไม่ค่อยมีบ้านคนกี่หลังหรอก” เหมวันต์ตอบ
“จริงหรือคะ?” หญิงสาวดูแปลกใจอยู่
“ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯหรอกนะ คนส่วนใหญ่ไม่มีใครเขาอยากจะอยู่กันหรอก เพราะมันไม่มีทั้งน้ำและไฟ แล้วคุณจะอยู่ได้งั้นเหรอ?”
“อยู่ได้ซีคะ ตั้งแต่เด็กๆฉันก็ช่วยเหลือตัวเองมาตลอด” ฟ้ารุ่งตอบยิ้มๆ ทำท่าอวดเก่งให้เห็น
เหมวันต์ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เขาคิดว่า ไม่ถึงสามวัน เธอคงจะรีบเผ่นไปก่อน แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป
เขาพยุงเธอเดินมาเรื่อยๆอย่างช้าๆ จนกระทั่งมองเห็นบ้านของเธออยู่ข้างหน้า
“ขอบคุณค่ะ ที่มาส่ง” เธอรีบพูดเหมือนกล่าวคำอำลา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คุณขาเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ? คิดว่าจะทำยังไงต่อไป?” ชายหนุ่มถาม
“ก่อนอื่นก็ต้องทำแผลมั้งคะ แล้วก็...ฉันอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อย มันสกปรกเลอะเทอะไปหมดแล้ว”
เขาเข้าใจดี
“ผมว่า...ผมพอจะช่วยดูขาของคุณให้ได้นะ”
“แหม...ไม่อยากรบกวนขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่รบกวนหรอก เราเข้าไปข้างในดีกว่า”
เหมวันต์ช่วยเธอเปิดประตู แล้วจึงกลับมาช่วยพยุงตัวเธอเข้าไปข้างใน
ในบ้านของเธอสะอาดเรียบร้อยดี ถึงจะไม่มีของจำพวกตุ๊กตา แต่ก็มีแจกันดอกไม้ที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะออกไปเก็บมา แบบนี้ก็ดูค่อยสมกับเป็นห้องของผู้หญิงเหมือนกัน
“เป็นไงบ้างคะ?” เธอถามยิ้มๆ เมื่อเห็นเขามอง
“เรียบร้อยดีครับ ผมนึกว่าห้องจะรกกว่านี้ เพราะคุณเพิ่งย้ายมาเมื่อวานนี้เอง คุณจัดของได้เร็วดี”
“ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่คะ ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าก่อนเสมอ” เธอพูดยิ้มๆ
“หมายความว่ายังไง?” เขาถามไม่เข้าใจ
“ถ้ามีหนุ่มๆแวะมาเยี่ยม ฉันคงขายไม่ออกพอดี” เธอหลิ่วตาให้เขา
เหมวันต์อดยิ้มไม่ได้ ดูเธอจะเป็นคนที่มีอารมณ์ขันอยู่เหมือนกัน แบบนี้คงคุยด้วยไม่เบื่อ
เธอเดินเขยกไปนั่งที่เก้าอี้ ทำให้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้
“คุณมียานวดหรือเปล่า?” เหมวันต์ถาม
ฟ้ารุ่งส่ายหน้า
“แย่จัง ฉันไม่ทันคิดว่าจะมีอุบัติเหตุ ก็เลยไม่ได้เตรียมของพวกนี้มาด้วย”
เหมวันต์เองก็ส่ายหน้า “แย่มากครับ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน คุณควรจะมีเครื่องมือปฐมพยาบาลติดตัวไว้เสมอ เพราะอุบัติเหตุน่ะ มันไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้”
เธอทำหน้าจืดเล็กน้อย เมื่อถูกเขาสั่งสอน
“เอาอย่างงี้แล้วกัน ระหว่างที่คุณเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมจะกลับไปเอายาที่บ้านมาให้เอง เดี๋ยวเดียวเองแหละ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณเหมวันต์” ฟ้ารุ่งบอกเขา
เหมวันต์ก้มศีรษะให้ ก่อนจะหมุนตัวออกจากห้อง
เขาไปไม่นาน ก็รีบกลับมา อาจเป็นเพราะเขาเป็นห่วงที่เธออยู่คนเดียวก็ได้
ประตูไม่ได้ล็อคไว้ เขาจึงเดินเข้ามา
เธอไม่ได้อยู่ในห้องข้างนอกนี้ ชายหนุ่มจึงเดินตามหาเธอดู
จนเหลือบเห็นเธอกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ในห้องนอน
ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าโดยเร็ว เพราะรู้สึกเป็นการเสียมรรยาทอย่างมาก
“คุณยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือครับ?” เหมวันต์ถามโดยไม่หันไปมอง ใจเต้นระส่ำไปหมด
“ฉันรูดซิปไม่ได้ค่ะ” ฟ้ารุ่งทำเสียงขัดใจ
เหมวันต์นิ่ง
“คุณช่วยรูดซิปให้หน่อยได้ไหมคะ?” ฟ้ารุ่งพูดอย่างขอร้อง
“จะดีหรือครับ?” เหมวันต์ไม่แน่ใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือ”
เหมวันต์คิดว่า เธอออกจะไม่ระวังตัวเกินไปแล้ว
หากเขาเป็นผู้ชายมักมากหน่อย เธออาจต้องเสียใจในภายหลังได้
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง เข้ามาหยุดยืนข้างหลังเธอ แล้วจึงใช้มือข้างหนึ่งดึงชายเสื้อ มืออีกข้างก็ช่วยรูดซิปขึ้นไป
“เสร็จแล้วครับ” เหมวันต์บอก
ฟ้ารุ่งหมุนตัวพริ้วกลับมา ดูสวยงามจนเขาไม่อาจจะละสายตา
เขามองเธอแต่ศีรษะจดเท้า
“คุณแต่งตัวจะไปไหนเหรอ?” ชายหนุ่มอดถามไม่ได้
“ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ ฉันกำลังคิดว่าจะเข้าครัวทำกับข้าวเลี้ยงต้อนรับคุณ นี่เป็นโอกาสพิเศษที่เราได้มารู้จักกัน”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณจะเข้าครัวทั้งชุดนี้งั้นเหรอ?”
“ก็ฉันอยากให้คุณเห็นฉันในชุดนี้นี่คะ”
เขาอยากถามว่าทำไมเธอต้องอยากให้เขาเห็นเธอในชุดนี้ด้วย
แต่หญิงสาวเดินออกจากห้องไปแล้ว
“ขาของคุณเป็นไงบ้าง?” ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ไม่เจ็บแล้ว”
“แต่ผมว่า...คุณน่าจะทายาเสียหน่อยดีกว่านะ”
“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“อย่าดื้อสิครับ”
ฟ้ารุ่งหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“งั้นคุณทาให้สิคะ”
เธอรีบไปนั่งที่เก้าอี้ ทำตัวเหมือนกับเจ้าหญิง ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาทางเขา
เหมวันต์อยากจะหวดก้นเธอจริงๆ แต่เขาก็รู้สึกชอบที่เธอทำตัวร่าเริงแบบนั้น
เขาเข้าไปคุกเข่าข้างหนึ่ง หยิบกระปุกยาออกมาเปิดฝา แล้วจึงค่อยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางป้ายขี้ผึ้งออกมาถูนวดที่ข้อเท้าเธอเบาๆ
“เจ็บไหมครับ?” เขาเงยหน้าถาม
ฟ้ารุ่งส่ายหน้ายิ้มๆ นัยน์ตาที่ใช้มองเขาเองก็ดูหวานซึ้งอย่างไรอยู่
ชายหนุ่มลืมตัว ก้มหน้าลงจุมพิตตรงข้อเท้าของเธอ
ฟ้ารุ่งไม่ได้ผละออก เธอยิ้มอย่างผู้ชนะ เหมวันต์เริ่มตกลงสู่บ่วงเสน่ห์ของเธอแล้ว
‘ผู้ชายน่ะ ไม่ว่าหน้าไหนก็มักจะเห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น ยิ่งได้มาง่าย ก็ยิ่งเบื่อง่าย แต่ถ้าได้ใกล้ชิด กลับไม่ได้เชยชม ก็จะยิ่งทุรนทุราย ใคร่อยากจะได้เป็นเจ้าของคนเดียว’
คิดแล้ว เธอก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นอย่างรวดเร็ว
“อย่าค่ะ คุณเหม” เธอรีบชักเท้าออก ทำเป็นนึกกลัวขึ้นมา
เหมวันต์รู้สึกตัว
“ขอโทษด้วย ผมไม่ตั้งใจ”
“คุณเห็นฉันเป็นแม่หม้าย เลยคิดว่าฉันคงจะง่ายด้วยใช่ไหมคะ?” ฟ้ารุ่งพูดอย่างเสียใจมากที่เขาเป็นคนแบบนี้เอง
เหมวันต์รู้สึกเสียใจ ที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกไม่ดี
“ผมยอมรับผิด แต่ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงใจง่ายหรอกครับ เพียงแต่...สถานการณ์ทำให้ผมลืมตัว”
“คุณจะบอกว่า...เพราะบรรยากาศเป็นใจใช่ไหมคะ?”
ชายหนุ่มอึกอัก เพราะจะว่าอย่างงั้นก็ไม่เชิง
“ไม่ใช่หรอกครับ เพราะคุณสวยน่ารักมากต่างหาก”
“จริงหรือคะ?” ฟ้ารุ่งยิ้มหวาน รู้สึกเหมือนได้รับคำชมจากเขา
“จริงครับ” เขายืนยัน
“ปากหวานแบบนี้ ฉันคงจะจมน้ำลายคุณตายสักวัน”
เหมวันต์ไม่กล้าเถียงว่า เขาไม่ได้ปากหวาน
เขาคิดว่าเธอสวยน่ารักมากจริงๆ สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
แต่เธอก็ยังเด็กเกินไปสำหรับเขาอยู่ดี
ไม่สิ เธอไม่ใช่เด็กแล้ว ก็เธอเคยผ่านการแต่งงานแล้วนี่นา
“คุณนั่งรอสักครู่ได้ไหมคะ? ขอเวลาฉันทำกับข้าวเลี้ยงต้อนรับคุณสักนิด” ฟ้ารุ่งพูดกับเขา
เหมวันต์แปลกใจมาก เพราะเกิดเรื่องเมื่อครู่นี้แล้ว แต่เธอก็ยังบอกว่าจะเลี้ยงเขาอีก
“คุณยังอยากจะคบกับผมอีกหรือ?” ชายหนุ่มถาม
ฟ้ารุ่งยิ้มให้เขา
“แน่สิคะ คุณเป็นเพื่อนบ้านคนแรกของฉันเลยนะคะ คุณเหมวันต์”
ชายหนุ่มไม่ว่าอะไร ปล่อยให้เธอเข้าครัว
บางทีวันนี้อาจจะเป็นวันโชคดีของเขาก็ได้ ได้มาเจอกับสาวสวยราวกับนางฟ้า และยังได้รับไมตรีจากเธอ ได้ทานอาหารที่เธอทำอีก
แบบนี้ไม่เรียกว่าโชคดีก็แปลกแล้ว

อเธอจัดเรียงอาหารเสร็จแล้ว เธอก็รีบไปนำเทียนที่ภัทรพลเตรียมไว้ให้ออกมา ไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้มันเร็วขนาดนี้ ดูท่าจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ให้อยู่หมัดคงจะไม่ใช่เรื่องยาก
เหมวันต์ลุกมาช่วยเธอ เขามองเธอจุดเทียนไขตาปริบๆ
“กลางวันแสกๆ ยังต้องจุดเทียนอีกหรือครับ?” เขาถามในที่สุด
“แหม...จะสร้างบรรยากาศโรแมนติค ก็ต้องมีเทียนด้วยสิคะ” ฟ้ารุ่งตอบหน้าตาเฉย
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งทานข้าวด้วยกันในบรรยากาศที่ดูโรแมนติกจริงๆ
“เป็นไงบ้างคะ?” ฟ้ารุ่งถามยิ้มๆ
“ก็ดีครับ โรแมนติคอย่างที่คุณว่า”
ฟ้ารุ่งกลั้นยิ้ม
“ฉันหมายถึงกับข้าวที่ฉันทำต่างหาก ใช้ได้หรือเปล่า?”
“เอ้อ...อร่อยดีครับ” เหมวันต์ตอบเขินๆ
ห้าสิบปีมาแล้ว ที่เขาไม่ได้มานั่งทานข้าวกับสาวสวยแบบนี้ เขาเกือบจะลืมรสชาติหวานชื่นนั้นไปหมดแล้ว
“ปรกติ...คุณคงทานข้าวแบบนี้กับผู้หญิงบ่อยสินะคะ” ฟ้ารุ่งพูดเหมือนชวนคุยด้วยเรื่องธรรมดา
“ไม่ครับ ผมไม่ได้ทานข้าวกับใครมานานแล้ว”
“นานแล้วหรือคะ? แล้วนานแค่ไหน?” ฟ้ารุ่งถาม
เหมวันต์นิ่ง
“ก็นานพอดู”
หญิงสาวเลิกคิ้วน้อยๆ
“ตอบกำกวมจัง มีอะไรที่บอกไม่ได้ใช่ไหมคะ?”
เหมวันต์ไม่ตอบทันที
“ถ้าผมบอกกับคุณว่า ผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็นอยู่ คุณจะว่ายังไง?” จู่ๆเขากลับถามเช่นนั้น
“ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นอยู่ เอ...ฉันก็เห็นคุณเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง เอ๊ะ? หรือไม่ใช่?” เธอทำท่าล้อเลียน
“ไม่ใช่แบบนั้น” ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “ถ้าคุณอยู่ที่นี่ต่อไป อีกไม่นานคุณก็ต้องรู้อยู่ดี เพราะงั้นผมจะบอกคุณให้ ถึงรูปร่างหน้าตาภายนอกผมจะดูแบบนี้ แต่จริงๆแล้ว ผมเป็นทวดของคุณก็ยังได้ ปีนี้ผมอายุแปดสิบปีแล้ว”
ฟ้ารุ่งแทบไม่กระพริบตา ความจริงเธอรู้อยู่แล้ว เพราะภัทรพลบอกให้เธอรู้ตัว
ตอนที่เธอเห็นเขาครั้งแรกนั้น เธอเองก็แทบไม่เชื่อเช่นกัน คิดว่าคงจะมีการเข้าใจผิด จนเขาพูดความจริงอยู่เดี๋ยวนี้
“แล้วยังไงคะ? ต่อให้คุณอายุเป็นร้อย มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าเราสองคนใจตรงกันเสียอย่าง” เธอตอบเหมือนไม่แคร์เรื่องอายุ
เหมวันต์แทบไม่เชื่อหู
“คุณไม่แคร์เลยหรือ? อาจมีคนนินทาคุณก็ได้ ที่...เอ้อ มาสนใจคนอย่างผม”
“อย่าคิดมากสิคะ ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง ฉันว่าพวกเขาคงจะอิจฉาเรามากกว่าค่ะ ฉันชอบคุณนะคะ คุณเหมวันต์ อยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันที่เป็นหญิงหม้าย แล้วทำไมฉันต้องเกี่ยงเรื่องอายุของคุณอีก”
เหมวันต์อดรู้สึกซึ้งใจในคำพูดของเธอไม่ได้ เพิ่งจะมีคนพูดแบบนี้กับเขาเป็นครั้งแรก
ต่อให้เธอกำลังหลอกเขา เขาก็ยอมให้เธอหลอก
“แล้วทำไมคุณถึงดูยังหนุ่มอยู่? มันต้องมีสาเหตุอะไรสักอย่างแน่ บอกหน่อยได้ไหมคะ?” ฟ้ารุ่งถามอย่างอยากรู้
เหมวันต์อึกอักเล็กน้อย
“คุณเชื่อเรื่องยาอมตะหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม เขาคิดว่าเธอคงเชื่อถือได้
“ยาอมตะหรือคะ? มันเป็นยังไง?” ฟ้ารุ่งทำเป็นไม่เข้าใจ
“ก็...เป็นยาจำพวกยาอายุวัฒนะ ที่ว่ากินแล้วไม่แก่เฒ่า ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ขจัดโรคภัยไข้เจ็บ พวกเซียนจะนิยมกินเพื่อต่ออายุของตัวเอง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปี เราก็จะยังคงรูปร่างหน้าตาเหมือนกับตอนที่เรากินมันเข้าไป”
ฟ้ารุ่งแทบไม่กระพริบตา
“แล้วคุณมียานั่นด้วยหรือคะ?” หญิงสาวถาม
เหมวันต์ยิ้ม ก่อนส่ายหน้า
“ไม่มีหรอก แต่ถ้ามี ผมจะให้คุณทานเป็นคนแรก”
ชายหนุ่มมองเธออย่างชื่นชมมากจนเห็นได้ชัด
ฟ้ารุ่งอึกอักเล็กน้อย
“งั้นทำไมคุณถึงได้...”
“เมื่อห้าสิบปีก่อน ผมถูกทำให้หมดสติไป จากนั้นพอฟื้นขึ้นมา ผมถึงรู้ว่า เกิดเรื่องกับอาของผม ชลิศา...ลูกพี่ลูกน้องของผม เขาบอกว่า อาชลัมได้ฝากสูตรยาที่เขาคิดค้นขึ้นมาได้ให้ผม เขาให้ผมอ่านมัน แล้วจัดการทำลายทิ้ง ผมจึงทำตามที่เขาสั่งเสีย ผมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ร่างกายของผมก็เป็นแบบที่คุณเห็นนี่ ผมคิดว่าอาชลัมต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวผมเป็นแน่”
“ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นคะ?” ฟ้ารุ่งไม่เข้าใจ
“คงเพราะเขาอยากช่วยผมมั้ง ตอนนั้นผมเป็นโรคร้ายที่จะมีชีวิตได้ไม่ยืนนาน แม่ของผมเองก็เสียชีวิตหลังจากคลอดผม ท่านตายเพราะเลือดไหลไม่หยุด ท่านเป็นลูคีเมียครับ”
ฟ้ารุ่งยกมือแตะปาก สมัยนั้นโรคนี้ไม่มีทางรักษา ต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น
งั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ต้องทนทุกข์กับโรคร้ายนี้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องตายเมื่อไหร่
หญิงสาวบอกกับตัวเองว่า ไม่จำเป็นต้องไปสงสารเขา เพราะตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนลุงของเธอกำลังจะตาย โดยที่เขาไม่คิดเห็นใจจะช่วย
ฟ้ารุ่งอยากจะเกลียดเขาจริงๆ
‘คนเห็นแก่ตัว ลุงของฉันเองก็กำลังจะตายด้วยโรคร้ายเหมือนกัน แต่คุณกลับไม่คิดจะช่วย’
เธออยากจะด่าว่าประนามเขาแรงๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นแง่แบบนั้น ชีวิตของชาติชายอยู่ในกำมือของเธอ
“ฉันเสียใจด้วยค่ะ แต่ร่างกายคุณตอนนี้ก็ดูแข็งแรง ฉันคิดว่าคุณคงจะหายจากโรคนั้นแล้วใช่ไหมคะ?” ฟ้ารุ่งถาม
“ครับ เป็นเพราะอาชลัมแหละที่ช่วยผมไว้”
“แล้ว...คุณไม่คิดจะบอกสูตรยากับคนอื่นบ้างหรือคะ? มีของดีๆแบบนี้ น่าจะเผื่อแผ่คนอื่นบ้าง”
เหมวันต์เอียงหน้ามองเธอ
“หรือว่าคุณเองก็อยากจะเป็นสาวสองพันปี?” เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าคงจะมีคนอยู่อีกมากมาย ที่กำลังรอการช่วยเหลือ คุณเองก็เคยต้องทนทุกข์กับโรคภัยไข้เจ็บมาแล้ว น่าจะเข้าใจจิตใจคนอื่นได้ดีกว่า”
เขาเข้าใจที่เธอพูดดี
“แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ผมรับปากกับอาชลัมไว้ จะไม่ให้สูตรยาตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ถ้าไม่ใช่คนที่ไว้ใจแล้ว ผมคงจะให้มันกับใครไม่ได้”
“คุณไม่เชื่อใจคนอื่นเลยหรือคะ?” ฟ้ารุ่งถาม
“มนุษย์ส่วนใหญ่ต่างก็มีจิตใจที่โลภมากอยู่ ผมว่าการที่คนเรามีชีวิตแบบเรียบง่ายก็ดีอยู่แล้ว ยังจะใฝ่หาชีวิตนิรันดร์กันไปอีกทำไม พวกที่อยากจะได้สูตรยาอมตะน่ะ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเป็นคนดีเลยสักคนเดียว คุณอยากจะเห็นคนชั่วมีชีวิตอยู่ค้ำฟ้าหรือครับ”
‘แต่คุณลุงของฉันเป็นคนดี’ ฟ้ารุ่งตะโกนในใจ
หญิงสาวแทบไม่อยากจะมองหน้าเขา
“แต่...” ชายหนุ่มยิ้มให้เธอ
“ถ้าเป็นคุณล่ะก็ ผมอาจจะบอกสูตรยาให้ก็ได้”
ฟ้ารุ่งแทบไม่เชื่อหู
“จริงหรือคะ?” เธอถามอย่างระวัง
เหมวันต์พยักหน้า
“แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ มันยังเร็วเกินไป” เขากลับพูดเช่นนั้น
ฟ้ารุ่งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เขายื่นมือมาแตะมือเธอที่อยู่บนโต๊ะ
“ไม่ต้องห่วงครับ สักวันผมต้องบอกคุณแน่ๆ”
หญิงสาวมองมือนั้น ก่อนจะเหลือบตาขึ้นจนตาสบตา
“แล้วสักวันนี่...มันเมื่อไหร่คะ?”
เหมวันต์ลังเล
“คงสักปี...หรือสองปี ถ้าตอนนั้นคุณยังอยู่ที่นี่ต่อไปนะ”
สองปี? เธอรอให้ถึงเวลานั้นไม่ได้หรอก
“ต้องรอนานขนาดนั้นเชียวหรือคะ?” ฟ้ารุ่งดูใจร้อนขึ้นมา
“ขอโทษด้วยครับ ผมต้องการเวลาในการศึกษาคุณ แต่ถ้าคุณทนรอนานขนาดนั้นไม่ได้ ก็ยังพอมีอีกวิธี”
“วิธีไหนคะ?”
เขามองเธออย่างช่างใจเล็กน้อย
“ถ้าคุณเป็นภรรยาของผมเมื่อไหร่ ผมก็จะบอกคุณ”

home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป