หน้า 1 2 3 5 6 7 8 9 10 11 12
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๔…

ฟ้ารุ่งนิ่ง
“โกรธเหรอครับ?” เขาเห็นเธอนิ่งเงียบ ก็ชักไม่สบายใจ
“เปล่าหรอกค่ะ ทำไมฉันต้องโกรธคุณด้วย เพียงแต่...พอคุณพูดเรื่องแต่งงาน ฉันก็เลยคิดถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา”
เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งจะแยกทางกับสามี
“ผมขอโทษด้วย ผมไม่น่าพูดแบบนั้นเลย” เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่ตั้งใจจะทำให้เธอคิดมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ เราลืมเรื่องนั้นไปดีกว่า ฉันเองก็อยากจะลืมเรื่องนั้นให้เร็วๆ”
เขากุมมือเธอไว้ อยากจะปลอบโยนให้มากกว่านี้
“ผมต้องขอโทษด้วย ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แต่ผมตัดสินใจมาตั้งนานแล้ว ผมจะบอกเรื่องนั้นกับภรรยาของผมเท่านั้น”
ฟ้ารุ่งยิ้มฝืนเล็กน้อย
“จำเป็นต้องเป็นภรรยาเท่านั้นหรือคะ?”
เหมวันต์พยักหน้า
“ผมรับปากอาชลัมว่า จะไม่มอบสูตรยาให้คนอื่น ถ้าไม่ใช่ภรรยาผม ก็ไม่มีทาง”
เธอเองก็อยากจะเข้าใจ แต่ลุงของเธอรอนานขนาดนั้นไม่ไหวแน่
แบบนี้มีแค่ทางเดียว ต้องทำให้เขาขอเธอแต่งงานให้ได้เท่านั้น
ทั้งสองคนต่างทานข้าวไปเรื่อยๆ จนกับข้าวหมดแล้ว
“อิ่มหรือยังคะ? เดี๋ยวฉันจะได้นำจานไปล้าง” เธอถามยิ้มๆ
“ครับ ให้ผมล้างดีกว่า ขาคุณยังเจ็บอยู่ ไม่ควรจะยืนนาน คุณไปนั่งรอเฉยๆเถอะ”
เขารีบลุกขึ้น แล้วเก็บจานชามทั้งหมดไปยังห้องครัว
ฟ้ารุ่งยืนครุ่นคิดหนัก พยายามคิดหาวิธีที่จะเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ ถ้าเหมวันต์กลับไปตอนนี้ก็หมดกัน
เหมวันต์ออกมาพบเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทำท่านวดขาที่เจ็บไปมา
“ปวดอีกแล้วหรือครับ?” เขาชักเป็นห่วงเธออีก เพราะเธอต้องอยู่ตัวคนเดียวเสียด้วย
“ค่ะ เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่เลย ตอนนี้มันเริ่มปวดขึ้นมาอีกแล้ว แย่จัง” ฟ้ารุ่งทำท่าถอนใจ
เหมวันต์เข้ามาคุกเข่าตรงหน้าเธอ แล้วช่วยนวดเบาๆ
“ผมว่า...ถ้าแบบนี้ล่ะก็ เราไปหาหมอดีกว่านะครับ”
ฟ้ารุ่งส่ายหน้า
“อย่าดีกว่า แค่เจ็บนิดหน่อย ก็ไปหาหมอ หมอคงได้ว่างตายล่ะ”
“แต่มันอาจจะเป็นหนักกว่าที่เห็นก็ได้” ท่าทางของเขาดูจะเป็นห่วงเธอมากจริงๆ
“เอาไว้รอดูพรุ่งนี้แล้วกัน ถ้ายังไม่ดีขึ้น ค่อยว่ากันใหม่นะคะ” ฟ้ารุ่งบอก
“ก็ได้ครับ” เขาไม่อยากจะขัดใจเธอ
ที่จริงเขาตั้งใจจะลาเธอกลับบ้านเสียที แต่เห็นเธอเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่กล้าทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
“ถ้าคุณเหมวันต์มีธุระล่ะก็...” เธอพูดเหมือนเตรียมจะออกปากไล่
“แต่ขาคุณยังเจ็บอยู่ แล้วจะให้ผมทิ้งคุณได้ยังไง”
“คุณเป็นห่วงฉันหรือคะ?”
“ห่วงสิ ก็...” เขาชะงัก
ฟ้ารุ่งยิ้มหวาน นัยน์ตาที่จ้องมองเขาดูหยาดเยิ้ม
“ก็อะไรหรือคะ?”
ชายหนุ่มมองดวงหน้าเธอ เขาเกือบแน่ใจว่า เธอเองก็ต้องชอบเขามากเช่นเดียวกัน เพราะนัยน์ตาเธอแสดงแจ่มชัด
เขาคิดว่าควรรออีกสักนิด ให้แน่ใจก่อนดีกว่า เพราะมาพูดตอนนี้ มันออกจะเร็วเกินไป
เขาเพิ่งพบเธอยังไม่ถึงสามชั่วโมง แล้วจะให้บอกว่ารักได้ยังไง มันออกจะแปลกๆอยู่
เขาอยากจะให้เวลาทั้งเธอและเขาได้รู้จักกันก่อน พวกเขาคงยังมีเวลาอยู่อีกมาก แถมตัวเธอเองก็เพิ่งแยกทางกับสามี อาจจะยังทำใจรับไม่ทัน
รอให้เธอลืมอดีตสามีได้เสียก่อนดีกว่า ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเช่นนั้น
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร วันนี้ผมกลับก่อนดีกว่า แล้ววันพรุ่งนี้ผมจะมาดูคุณ ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น คุณก็ต้องไปหาหมอ”
ฟ้ารุ่งอึกอัก ไม่คิดว่าเขาจะรีบหนีเร็วแบบนี้
หรือเธอจะแสดงออกมากเกินไปก็ไม่ทราบ
“พรุ่งนี้คุณจะมาหรือคะ?” ฟ้ารุ่งถาม
“ครับ ผมอยากจะมาดูอาการคุณ” เหมวันต์ตอบ
เธอทำท่าจะเดินออกไปส่ง แต่ชายหนุ่มบอกไม่ต้อง
“ขาคุณยังไม่หาย ควรนั่งเฉยๆมากกว่า วันนี้อย่าเพิ่งทำอะไรอีกนะครับ” เขาบอกกับเธอด้วยความเป็นห่วง
ฟ้ารุ่งจำต้องพยักหน้า แล้วปล่อยให้เขาจากไป
ฟ้ารุ่งกลับมานั่งคิดมาก ผู้ชายคนนี้ดูใจแข็งกว่าที่คิดไว้เสียอีก
‘หรือว่าเรายังโปรยเสน่ห์ไม่พอ?’ หญิงสาวถามตัวเองอย่างสงสัย
แต่หากฟ้ารุ่งทราบว่า ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ เธอก็คงไม่ต้องมานั่งคิดมากอีกต่อไป
เหมวันต์เดินกลับบ้านไป ก็ผิวปากไปด้วย
เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน ทุกๆวันของเขานั้นค่อนข้างสุดเซ็ง แต่วันนี้เขารู้สึกตัวเองโชคดีเหลือหลาย
ฟ้ารุ่งเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก ถ้าเขาอายุแค่สามสิบ ก็คงจะเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับเธอ
เขายังไม่รู้ว่าเธออายุเท่าไหร่ เท่าที่ดู เธอคงหน้าอ่อนกว่าอายุจริง เพราะเธอบอกว่าเคยแต่งงานมาแล้ว เท่าที่ฟังเธอเล่ามา เธอคงจะรักเขามาก และจึงรู้สึกผิดหวังมาก
แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างเด็ดขาด เธอจะต้องรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ได้รู้จักเขา
เหมวันต์กลับถึงบ้านก็เรียกคนรับใช้ส่วนตัว
“ระเด่น วันนี้ฉันโชคดีเป็นบ้า ฉันได้เจอผู้หญิงที่น่ารัก และสวยอย่าบอกใคร ฉันคิดว่าฉันตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว”
ระเด่นแทบไม่กระพริบตา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินนายจ้างของเขาพูดแบบนั้นออกมา
“ผู้หญิงคนไหนที่โชคดี...ได้รับเกียรติ์จากเจ้านายครับ” ระเด่นสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก
“เธอชื่อฟ้ารุ่ง เป็นชื่อไพเราะที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา เธอเป็นเพื่อนบ้านกับเราเอง เธอเป็นคนที่ย้ายเข้ามาอยู่กระท่อมบนเนินนั่นเอง”
“อ้อ หรือครับ? แบบนี้คุณเหมวันต์ก็ต้องได้เจอกับเธออีกใช่ไหมครับ?”
“แน่อยู่แล้ว เพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมเธอ เธอขาเจ็บน่ะ ฉันรู้สึกเป็นห่วง เพราะเธออยู่คนเดียว ใจจริงฉันไม่อยากจะกลับมาหรอกนะ แต่ฉันอยากให้เวลาเธอเตรียมใจ มันคงกะทันหันเกินไป ถ้าฉันจะบอกรักเขา”
“ใช่ครับ มีหวังเธอตกใจแน่” ระเด่นเห็นด้วย
“แต่ฉันรู้สึกว่าเธอเองก็ชอบฉันเหมือนกัน นี่ฉันคงจะไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ”
ระเด่นทำหน้าเฉยๆ
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ เพราะผมเองก็ยังไม่เคยเจอเธอเสียด้วย เอาไว้คุณเหมพาเธอมาสิครับ ผมอยากจะรู้จักเธอบ้างเหมือนกัน ผมคิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่คุณเลือก จะต้องเป็นคนที่น่ารักมากแน่ๆ”
“ใช่ แล้วระเด่นก็ต้องชอบเธอเหมือนกัน”
ระเด่นคิดว่าจะยังไงก็ช่าง เขาไม่สนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบไหน ขอเพียงเธอทำให้เหมวันต์ยอมเปิดปากบอกสูตรยาออกมาได้ก็พอแล้ว
เหมวันต์เป็นคนขี้ระแวงและระวังตัวเสมอ ถึงได้ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน แต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะเกิดตกหลุมรักได้รวดเร็วแบบนี้ นับว่าโชคเข้าข้างเขาแล้ว

ฟ้ ารุ่งทำกับข้าวเตรียมไว้รอท่าชายหนุ่ม เช้านี้เธอเองก็บรรจงแต่งตัวอย่างงดงามและดูเย้ายวนใจอยู่ไม่น้อย นี่ถ้าเหมวันต์เห็นแล้วยังไม่รู้สึกอะไรอีก เธอคงต้องลาไปบวชชีแน่
ชายหนุ่มมาถึงเกือบแปดครึ่ง พอเห็นเธอในชุดนั้น เขาก็แทบไม่เป็นอันทำอะไร
“...เอ้อ...วันนี้คุณดูสวยมาก” เขาเผลอหลุดปากออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฟ้ารุ่งยิ้มหวาน ขณะรับช่อดอกไม้จากมือของเขาไป
ชายหนุ่มเดินตามเธอเข้าไปอย่างขัดเขิน
“ขาคุณเป็นไงบ้าง?” เขาถาม เมื่อนึกขึ้นได้
“หายดีแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง เชิญคุณเหมวันต์ตามสบายนะคะ”
เธอนำช่อดอกไม้ไปจัดใส่แจกัน เสร็จแล้วจึงไปรินไวน์ใส่แก้วสองใบ แล้วนั่งลงชิดตัวเขา
เธอยื่นแก้วให้เขาใบหนึ่ง แล้วใช้แก้วของเธอชนกับแก้วของเขาเบาๆ
“เชียร์!”
ฟ้ารุ่งทำท่าจิบไวน์ช้าๆ และทำตาชะม้ายมองเขา
เหมวันต์จิบไวน์อย่างเขินจัด
เขาไม่เคยล่อไวน์แต่เช้าแบบนี้มาก่อน แต่เขาก็คิดว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ จึงไม่เป็นไร
“คุณเหมวันต์ทานข้าวมาหรือยังคะ? ฉันเตรียมทำเผื่อคุณไว้เรียบร้อยแล้ว” ฟ้ารุ่งบอกกับเขา
“ยังครับ” เหมวันต์โกหก
จริงๆเขาทานมาบ้างนิดหน่อย เพราะไม่ทราบจริงๆว่า เธอจะทำกับข้าวเผื่อเขาด้วย
“แหม...ดีจริง งั้นไปทานกันเถอะค่ะ”
เธอจับมือเขาดึงให้ลุกจากเก้าอี้ แล้วลากจูงไปยังโต๊ะที่จัดไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คราวนี้ไม่มีเทียนหรือครับ?” เหมวันต์ถามอย่างรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
“นานๆทีดีกว่าค่ะ ตอนนี้เรามาสร้างบรรยากาศแบบคนในครอบครัวเดียวกันดีกว่า”
“คนในครอบครัวเดียวกัน?” เหมวันต์ฟังแล้วก็อดรู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกับเธอไม่ได้
“นั่งลงสิคะ ‘ที่รัก’”
เหมวันต์มองหน้าเธอ
“เรามาลองเล่นบทสามีภรรยากันดู ดีไหมคะ?”
ชายหนุ่มไม่อยากจะลอง เพราะเขาอยากจะให้เป็นแบบนั้นจริงๆมากกว่า
เขานั่งลงตรงข้ามกับเธอ มองกับข้าวบนโต๊ะ
เมื่อวานเป็นอาหารฝรั่ง วันนี้เป็นอาหารไทยๆ
“คุณทำกับข้าวได้หลายอย่างหรือเนี่ย? นี่ผมชักสงสัยแล้วซี ว่าทำไมแฟนคุณถึงได้ทิ้งคุณได้อีก? เขาต้องเป็นผู้ชายที่งั่งบรมแน่ๆเลย”
ฟ้ารุ่งมองหน้าเขา
เหมวันต์นึกขึ้นได้
“ขอโทษครับ ผมไม่ตั้งใจจะรื้อฟื้นอดีตของคุณขึ้นมาอีก ผมนี่แย่จริงๆ”
“อย่าว่าตัวเองเลยค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า ดีเสียอีกที่เลิกกับเขาได้”
“ทำไมล่ะครับ?”
“ก็เพราะถ้าไม่งั้น ฉันคงจะไม่ได้เจอคุณน่ะซีคะ” เธอยิ้มหวานให้กับเขาอีก
เหมวันต์ยิ้มออก เขาหวังว่าเธอคงจะหมายความตามนั้นจริงๆ
“ทานนี่สิคะ” เธอช่วยตักกับข้าวใส่จานของเขา
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มเองก็ช่วยตักกับข้าวใส่จานเธอบ้าง
สองคนหนุ่มสาวทำราวกับเป็นคู่รักหวานชื่นก็ไม่ปาน
หลังจากทานอิ่มแล้ว ทั้งคู่ก็มาช่วยกันล้างจาน
“ตกลง วันนี้คุณจะไม่ไปหาหมอใช่ไหม?” เหมวันต์ถามเธอ
“ก็ขาฉันหายดีแล้วนี่คะ ยังจะไปทำไมอีก?”
เหมวันต์เข้าใจ แต่เขาอยากจะพาเธอออกไปไหนด้วยกันมากกว่า
“วันนี้ฉันกะจะออกไปสำรวจรอบๆบริเวณนี้ คุณจะไปด้วยไหมคะ?” ฟ้ารุ่งเอ่ยปากชวน
“ไปซีครับ” ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่จะได้ไปกับเธอ
“งั้นเดี๋ยวฉันขอเข้าไปหยิบหมวกก่อน แล้วเราค่อยไปกันเลย”
เหมวันต์ยืนรอเธอที่หน้าห้อง รอเธอจนหยิบหมวกแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านมาด้วยกัน
“แล้วฉันควรจะไปไหนดีคะ? คุณช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมคะ?” ฟ้ารุ่งถามเขา
เหมวันต์เข้าใจ เพราะเธอเพิ่งจะมาถึง คงจะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง
“เราเดินไปเรื่อยๆเถอะครับ ถึงแถวนี้จะไม่ค่อยมีบ้านคน แต่คิดว่าเดินไปแบบนี้ เดี๋ยวก็ต้องได้เจอใครบ้าง”
หญิงสาวเข้าใจ ทั้งสองคนเดินมาด้วยกันเงียบๆ
สักครู่ พวกเขาก็ได้เห็นคนหาปลาเดินตรงมาตามทางเดิน
เขามองเห็นหญิงสาวก่อน เห็นเธอสวยจับตา และยังดูเซ็กซี่ ก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาทันที สายตาดูหื่นกระหายจนเห็นได้ชัด
ฟ้ารุ่งกลัว ขยับเข้าไปในอ้อมแขนของเหมวันต์ทันที
ชายหนุ่มจ้องผู้ชายคนนั้นเขม็งให้รู้สึกตัว
คนหาปลาเห็นเขา พอจำหน้าได้ก็ทำท่าตกใจมาก
เขารีบเดินออกห่างอย่างค่อนข้างร้อนรนอยู่บ้าง
“รู้สึกเขาดูจะกลัวคุณอยู่นะคะ” ฟ้ารุ่งสังเกตเห็น ก็อดวิจารณ์ไม่ได้
เหมวันต์ทำหน้าเฉยๆ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
ทั้งคู่เดินต่อมาเรื่อยๆ แต่ไม่เจอใครอีก จนกระทั่งใกล้เที่ยง
เหมวันต์บอกว่ามีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ เขาจึงชวนเธอไปลองนั่งทานดูด้วยกัน เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่เคยทาน
หญิงสาวตกลง เพราะคิดว่าน่าจะได้เพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นอีก คงจะมีคนบอกอะไรให้เธอรู้เกี่ยวกับเหมวันต์หรือคฤหาสน์แดงบ้าง
เธอจำเป็นจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้ให้มากที่สุด เผื่อเป็นทางที่จะช่วยทำให้เขาหันมาสนใจเธอได้มากกว่านี้
เหมวันต์ยังคงรักษาท่าทีของตัวเอง แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่ โดยไม่แสดงตนว่าเป็นคู่รัก หรือเป็นเจ้าของแต่อย่างใด ทำให้เธออดหงุดหงิดอยู่ไม่ได้
เธอต้องการให้เขาแสดงออกมากกว่านี้ อย่างน้อยถ้าทำให้รู้สึกหึงหวงได้บ้างก็คงจะดี
ทั้งสองไปถึงร้านอาหาร แล้วฟ้ารุ่งก็สังเกตเห็นว่าทุกคนพากันหันมาจ้องพวกเขากันเป็นตาเดียว
แต่จะว่าให้ถูก ทุกคนกำลังจ้องมองเหมวันต์กันมากกว่า ดูเหมือนพวกเขาจะจำหน้าเหมวันต์ได้ ว่าเขาคือเจ้าของคฤหาสน์แดงคนนั้นเอง
คนขายข้าวแกงถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเหมวันต์เข้ามายืนสั่งข้าวแกงในร้านของเธอ
เหมวันต์ทำหน้าเฉยๆ ขณะรับจานกับข้าวจากเธอ แล้วไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งพร้อมกับหญิงสาว
“เฮ้ย! กินข้าวได้ด้วย” มีคนพูดลอยๆออกมาให้ได้ยิน เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นเหมวันต์กำลังทานข้าวอย่างคนปรกติ
ฟ้ารุ่งโมโห เกือบจะลุกขึ้นหันไปว่าคนที่พูดออกมา
แต่เหมวันต์เงยหน้ามองเธอเฉยๆ แสดงท่าทางไม่รู้สึกเดือดร้อนแต่อย่างใด
“ทานเถอะ คุณหิวไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มบอก
ฟ้ารุ่งจึงนั่งลงทานอย่างสงบใจได้
เธอเป็นอะไรไปนะ แค่นี้ทำไมต้องโมโหแทนเขาด้วย
เหมวันต์ยังไม่เดือดร้อนด้วยซ้ำ แต่ตัวเธอกลับทำเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเสียได้
พอทานข้าวเสร็จ เหมวันต์ก็ชวนเธอไปเดินกันในตลาด เพราะคิดว่าเธออาจจะอยากได้อะไรเป็นพิเศษบ้างก็ได้
หญิงสาวจึงซื้อพวกอาหารสดกลับไปตุน เพราะของที่มีอยู่หมดไปแล้ว
ชายหนุ่มช่วยเธอถือของ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ถึงคนอื่นจะมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดก็ตาม ที่เจ้าของคฤหาสน์แดงมาเดินจ่ายกับข้าวกับสาวสวยเช่นนี้
“รู้สึกว่า...คนอื่นๆดูจะสนใจคุณกันมากนะคะ” ฟ้ารุ่งอดพูดไม่ได้
เหมวันต์จึงยิ้มให้เธอ
“เพราะพวกเขาคิดมาตลอดว่า ผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเขาน่ะซี พวกเขาคงจะคิดว่าผมชอบดื่มเลือดแทนน้ำ กินตับไตไส้พุงเป็นอาหารมื้อดึก”
เธอมองเขาตาโต
“พวกเขาคิดแบบนั้นจริงๆหรือคะ?” เธอไม่อยากเชื่อ
“ผมแค่เปรียบเทียบน่ะ จริงๆไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่อธิบายให้พวกเขาฟังคะ?”
“อธิบายทำไม? ในเมื่อพวกเขาพอใจที่จะเชื่อแบบนั้นเอง ผมไม่อยากไปทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง แต่พวกเขาได้มาเห็นแบบนี้ ภาพพจน์ของผมคงจะเสียหายไปหมดแล้ว”
หญิงสาวกลั้นยิ้ม
“อ้อ จริงๆคุณก็ชอบสินะคะ”
“จะชอบหรือไม่ชอบ แต่อย่างน้อยๆ มันก็ช่วยป้องกันผมจากพวกศัตรูที่จ้องคิดร้ายได้ก็แล้วกัน”
“ศัตรูที่จ้องคิดร้าย?” ฟ้ารุ่งแทบไม่กระพริบตา ไม่ทันคิดว่าเขาอาจเป็นคนที่มีศัตรูมากก็ได้
“มีหลายคนที่พยายามจะเข้ามารื้อค้นของในบ้าน เพราะพวกเขาหวังว่าจะได้เจอสูตรยาอมตะ”
ฟ้ารุ่งอึ้ง
“เรากลับกันเถอะ” ชายหนุ่มชวน
เหมวันต์จ้างรถให้ไปส่งที่บ้านหญิงสาว เพราะพวกเขาเดินกันมาไกลพอดู เขาเองก็เป็นห่วงว่าเธออาจจะเจ็บขาขึ้นมาอีกก็ได้
พอเหมวันต์กลับไปแล้ว ฟ้ารุ่งก็นั่งเหม่อ
‘เราเองก็ไม่ต่างไปจากพวกที่พยายามจะเข้าไปรื้อค้นบ้านของเขา เพราะเราเองก็พยายามจะหลอกลวงเขาอยู่’
แต่ฟ้ารุ่งไม่มีทางเลือก เพราะเธอต้องการสูตรยามาช่วยชีวิตของชาติชาย เธอจะปล่อยให้เขาตายแบบนั้นไม่ได้ ถึงจะต้องใช้อุบายบ้าง เธอก็ต้องทำให้สำเร็จ
หญิงสาวพยายามไม่คิดมาก ก่อนจะไปเตรียมกับข้าวสำหรับมื้อเย็น

ช้าวันต่อมา เหมวันต์ได้แวะมาที่บ้านของเธอแต่เช้าอีกตามเคย
“ผมเป็นห่วงคุณ เมื่อวานเราเดินกันเกือบจะทั้งวัน ผมกลัวขาคุณจะเจ็บขึ้นมาอีก” เหมวันต์ใช้ข้ออ้างที่ฟังเข้าท่าที่สุดบอกกับเธอออกไป
ฟ้ารุ่งยิ้ม เธอเองก็ดีใจว่าจะได้ไม่ต้องหาเหตุไปหาเขาที่คฤหาสน์แดง เพราะเจ้าตัวอุตส่าห์ลงทุนมาด้วยตัวเอง
“ขาฉันหายดีแล้วค่ะ แต่ไหนๆคุณก็มาแล้ว เข้ามาก่อนซีคะ” เธอกล่าวเชิญชวนให้เขาเข้ามาในบ้านของเธอ
เหมวันต์ไม่ปฏิเสธ เขาเองก็คาดหวังเอาไว้ว่าจะได้รับคำชวนจากเธออยู่แล้ว
“นั่งก่อนซีคะ” เธอเชิญให้เขานั่งลง
ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ตัวที่หันไปทางประตูหน้า
ฟ้ารุ่งเองก็นั่งลงข้างกายเขา โดยรักษาระยะห่างพอควร เพราะไม่อยากให้เขาคิดได้ว่าเธอพยายามจับเขาอยู่
“วันเสาร์นี้...ตอนช่วงเย็น คุณว่างไหมครับ?”
“ว่างค่ะ ทำไมหรือคะ?” ฟ้ารุ่งถามอย่างสงสัย
“ที่ไร่ติดๆกันนี่ เขาจะมีจัดงานเลี้ยงเต้นรำ คือ...งานนี้เขาจะต้องไปกันเป็นคู่ ผมจึงอยากจะมาชวนคุณไปเป็นเพื่อน”
ฟ้ารุ่งยิ้ม เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น
“ทำไมถึงชวนฉันล่ะคะ? ฉันคิดว่า...คนอย่างคุณน่าจะมีเพื่อนหญิงอยู่บ้าง...อย่างน้อยสักคนสองคน” ฟ้ารุ่งยังไม่รีบตอบทันที
เหมวันต์มองหน้าเธอ ชักไม่แน่ใจขึ้นมา
“ถึงจะมี ผมก็ไม่อยากจะไปกับคนอื่นนี่ครับ ผมอยากจะไปกับคุณมากกว่า”
“แล้วทำไมคุณถึงอยากไปกับฉันล่ะคะ?”
เหมวันต์ตัดสินใจพูดความจริง
“ก็เพราะผมชอบคุณมากกว่าผู้หญิงคนไหนๆที่ผมรู้จักน่ะซีครับ”
ฟ้ารุ่งยิ้มหวานหยด ตอนนี้เธอเห็นลางชนะแล้ว
“ตกลงค่ะ คุณเหมวันต์อุตส่าห์มาชวนเอง ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงคะ”
เหมวันต์ยิ้มอย่างโล่งอก เขาเกือบจะคิดว่าเธอจะปฏิเสธเสียแล้ว
“ผมจะมารับตอนทุ่มตรงครับ งานเขาเลิกประมาณตีสอง แต่เราขอกลับก่อนได้” ชายหนุ่มอธิบายให้ฟัง
“คุณเหมวันต์ทานอะไรมาหรือยังคะ?” ฟ้ารุ่งถาม
“ยังครับ” ชายหนุ่มตอบเร็ว
“แย่จัง ฉันไม่ได้เตรียมอะไรเผื่อคุณ เพราะไม่คิดว่าคุณจะแวะมาหา”
เหมวันต์ไม่กล้าพูดมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันทอดไข่เจียวเพิ่ม แล้วเรามานั่งทานด้วยกัน ดีไหมคะ?”
“ดีครับ” เหมวันต์ตอบ
ฟ้ารุ่งยิ้ม ทำตาชะม้ายน้อยๆ
“ต่อไป...ฉันอาจต้องทำเผื่อคุณทุกมื้อเลยก็ได้”
เหมวันต์รู้สึกใจพองโต เพราะเหมือนกับว่าเธอได้ยอมรับเขาแล้ว
เหมวันต์ลุกไปช่วยเธอทำกับข้าว
ฟ้ารุ่งทำท่าขันหน่อยๆ
“นี่ถ้าทุกคนได้มาเห็นคุณเข้าครัวแบบนี้ มีหวังได้แตกตื่นกันไปใหญ่แน่ๆเลย” ฟ้ารุ่งพูดยิ้มๆ
“การได้เข้าครัวกับคุณทุกวัน คือความสุขของผมครับ” เหมวันต์บอก
ฟ้ารุ่งทำท่าเขินอายจนเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มคิดว่า ความฝันของเขาคงใกล้เป็นจริงแล้ว
หากยังเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เขาก็คงจะสามารถขอเธอแต่งงานได้สักวัน
เขาเชื่อว่า วันนั้นคงจะมาถึงในอีกไม่ช้า

home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป