หน้า 1 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๒…

หมวันต์นิ่ง
“ผมรู้ดีว่า ยาอมตะเป็นสิ่งที่เงินก็หาซื้อไม่ได้ มันมีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่งเป็นล้านๆเท่า และคนอย่างคุณ เงินก็คงจะซื้อไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องหลานชายของคุณล่ะก็ คุณคงจะไม่อยากเห็นเขาต้องติดคุกใช่ไหมล่ะครับ?”
“รามิลติดหนี้คุณเท่าไหร่?” เหมวันต์ถาม
ชาติชายยิ้ม
“สามแสนครับ ก็ไม่มากไม่มาย เงินเท่านี้ สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องขี้หมู จะปล่อยผ่านไปก็ได้ อ้อ บอกไว้ก่อน ผมไม่ต้องการเงินจากคุณ ผมต้องการให้คุณจ่ายเป็นสูตรยามากกว่าครับ ไม่งั้นหลานคุณต้องติดคุกแน่”
“งั้นผมก็คงจะต้องขอบคุณคุณสินะ ที่ช่วยสั่งสอนรามิลแทนผม” เหมวันต์พูด
ชาติชายจ้องหน้าเขา
“หมายความว่าไง? คุณจะไม่ช่วยเขางั้นเหรอ?”
“แล้วทำไมผมต้องช่วยเขาด้วย? ใครใช้ให้เขาอยากรนหาที่เอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นหนี้คนอื่น และคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอีกด้วย ตราบที่เขายังคงติดการพนัน”
ชาติชายยิ้ม ยังไม่เชื่อว่าเหมวันต์จะทนเฉยได้จริงๆ
“แต่เขาเป็นหลานชายของคุณชลิศา ลูกพี่ลูกน้องของคุณ และเป็นคนรักของคุณด้วย คุณจะไม่ช่วยเขาเลยจริงๆหรือครับ? คุณทำแบบนี้ยังกล้าพูดกับวิญญาณเธอได้อีกเหรอ?”
เหมวันต์ถอนใจเล็กน้อย
"ผมไม่ทราบว่ารามิลไปเป่าหูอะไรคุณไว้บ้าง แต่ผมกับชลิศาไม่ใช่คู่รักกัน แล้วลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ ก็ไม่จำเป็นต้องสนิทกันเสมอไป”
“แปลว่าจะไม่ช่วยเขาจริงๆใช่ไหม?”
“เดี๋ยวผมจะเขียนเช็กเงินสดสามแสนให้กับคุณ คุณจะรับหรือไม่ก็ตามใจ แต่ผมถือว่าได้ใช้หนี้แทนรามิลไปแล้ว หากต้องมีการขึ้นศาล ผมคิดว่าได้พยายามถึงที่สุดแล้วจริงๆ ชลิศาคงจะไม่โกรธผมแน่”
ชาติชายยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คิดอยู่เหมือนกันว่า จะหลอกคุณคงไม่ใช่ง่ายเหมือนกับหลอกพวกชาวบ้านตาดำๆ”
“แล้วคุณจะรับเช็กไหม?” เหมวันต์เตรียมสมุดเช็กขึ้นมา
“ครับ แต่ดอกเบี้ยสามหมื่นสามพันบาทครับ”
เหมวันต์เข้าใจ จึงได้เขียนเช็กเงินสดสามแสนสามหมื่นสามพันบาทให้กับเขา
“ขอบอกไว้ก่อนนะ ผมยังไม่ล้มเลิกความคิด ไงๆสักวันผมก็ต้องได้สูตรยานั่น” ชาติชายประกาศสงครามทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกมา
ภัทรพลรีบตามหลังเขามาติดๆ
“นี่มันหมายความว่ายังไงครับ คุณพ่อ? นายเหมวันต์คนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่?” ชายหนุ่มถามอย่างไม่เชื่อ
“ก็อย่างที่แกเห็นแหละ ปีนี้...หมอนี่อายุแก่กว่าพ่ออีกถึงสองรอบด้วยซ้ำ แต่รูปร่างหน้าตายังคงความหนุ่มแน่นเอาไว้ได้ นั่นก็เพราะหมอนี่มีสูตรยาอมตะที่ดร.ชลัมทิ้งไว้ให้น่ะซี”
“ดร.ชลัม?”
“เห็นว่าเป็นอาแท้ๆรึไงเนี่ยแหละ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าที่พวกเราเองก็จะกลายเป็นแบบหมอนั่น คือไม่มีวันแก่ตายเหมือนคนธรรมดาๆทั่วไป แกไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ยงคงกะพันรึไง?”
ภัทรพลอึ้งไปเป็นครู่
“งั้นที่คุณพ่อพูดว่า เงินก็ซื้อไม่ได้นั่นก็หมายถึง...”
“ใช่ นี่แหละที่เขาเรียกว่า ‘เงินก็ซื้อไม่ได้’ ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ครอบครองมันไว้ พวกเราก็จะได้อยู่อย่างเทพเจ้า เป็นพระเจ้าบนแผ่นดินนี้”
ภัทรพลเงียบกริบ เขาไม่ได้นึกตื่นเต้นตามบิดาไปด้วย เพราะยังไม่แน่ใจว่าชีวิตแบบนั้นมันจะดีจริงๆหรือ
“แล้วคุณพ่อคิดว่าเขาจะยอมมอบสูตรยาให้ง่ายๆหรือครับ? ของสำคัญถึงขนาดนั้นน่ะ” ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าจะทำได้สำเร็จตามที่บิดาคิดไว้
“เมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องได้ด้วยกล พ่อจะทำทุกวิธีที่จะทำให้ได้สูตรยามาให้ได้” ชาติชายพูดเสียงหนักแน่น
“คงจะไม่คิดขโมยนะครับ ดีไม่ดี ดร.ชลัมอาจไม่ได้ทิ้งเอกสารอะไรไว้เลยก็ได้ หรือไม่นายเหมวันต์ก็อาจเผาทิ้งไปแล้วก็ได้เหมือนกัน โอกาสแบบนี้เป็นไปได้มากทีเดียว สงสัยคงมีแต่ต้องทำให้หมอนั่นเป็นคนพูดออกมาเอง แต่ถ้าหมอนั่นไม่อยากพูด ต่อให้พ่อเอาปืนจ่อหัวก็คงจะไม่มีประโยชน์”
“งั้นก็คงมีทางเดียว คือทำให้นายเหมวันต์มันยินยอมเปิดปากด้วยตัวเอง” ชาติชายพูดอย่างครุ่นคิดเล็กน้อย รู้สึกงานนี้ท่าจะไม่หมูซะแล้ว
“ใช่ ต้องทำให้มันรู้สึกเต็มใจอยากจะบอกเอง แต่เรื่องนี้...เรากลับไปคุยที่บ้านของเราเองไม่ดีกว่าหรือครับ? ที่นี่มีแต่คนของเหมวันต์” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ภัทรพลก็ยังไม่เห็นคนอื่น นอกจากชายชราคนเดียว
“จริงสิ เรากลับไปวางแผนกันใหม่ดีกว่า คราวนี้จะต้องไม่ให้ล้มเหลว”
สองพ่อลูกพากันกลับไปที่รถ
พอพวกเขาขึ้นรถ ชาติชายก็สั่งให้ออกรถทันที
ภัทรพลมองเห็นเหมวันต์ที่ยืนมองออกมาทางระเบียง
“คุณพ่อ นายเหมวันต์นี่ยังโสดอยู่ใช่ไหมฮะ?” จู่ๆเขาก็ถามขึ้น
“ใช่ อายุขนาดนี้แล้ว ยังไม่แต่งงานอีก สงสัยอะไรคงจะผิดปรกติแหงๆ ว่าแต่แกถามทำไมเหรอ?”
“ที่เขาไม่แต่งงานน่ะ คงเพราะยังไม่เคยเจอใครถูกใจมั้งครับ มันก็แน่อยู่ล่ะ เล่นไม่ยอมออกไปไหนตั้งห้าสิบกว่าปี แล้วจะไปมีโอกาสเจอใครได้”
“ก็จริงนะ แต่ที่หมอนั่นไม่ยอมออกมา คงเพราะกลัวถูกใครเห็นเข้ามั้ง”
“ถ้างั้นหมอนั่นก็คงเป็นจำพวกกบในกะลา คงจะไม่รู้จักกระทั่งความรักว่าเป็นยังไง”
“ถึงจะมารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว อายุตั้งแปดสิบแล้ว”
“เรื่องแบบนี้...ไม่เกี่ยวกับอายุหรอกฮะ ขอเพียงแค่ยังไม่ลุโสดาบันก็ใช้ได้แล้ว แถมหมอนั่นไม่ว่าดูยังไงก็อายุเท่าๆผมอยู่ดี 'ไอ้นั่น'ก็น่าจะยังใช้การได้อยู่”
“แกหมายความว่า...”
ภัทรพลยิ้มน้อยๆ
“ผมนึกวิธีออกแล้ว วิธีที่จะง้างปากหมอนั่นให้ยอมพูดออกมาเอง โดยเราไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง”
“วิธีอะไร?” ชาติชายรีบถาม
“ผมคิดว่า...คนที่จะสามารถทำให้เขายอมเปิดปากพูดเรื่องสำคัญขนาดนั้นได้น่ะ คงมีแต่‘ภรรยา’เท่านั้นไม่ใช่หรือฮะ? คนที่เขาอยากจะร่วมใช้ชีวิตนิรันดร์ร่วมกันไงล่ะ”
“เออ...จริงด้วย ถ้าอยากจะอยู่ด้วยกัน ก็มีแต่ต้องมอบสูตรยาให้อย่างเดียว จะได้สามารถอยู่ด้วยกันได้ นี่พ่อไม่ทันฉุกใจคิดมาก่อนเลยนะเนี่ย” ชาติชายชักอยากจะตบรางวัลให้กับลูกชายของเขาคนนี้เสียแล้ว
“แต่จะใช้คนพร่ำเพรื่อไม่ได้นะฮะ ต้องเป็นคนที่เชื่อใจได้เท่านั้น ถ้าอยากจะได้สูตรยา ก็ต้องยอมลงทุนบ้าง ผมว่า...อย่างยายเดือนยายดาวคงจะใช้การไม่ได้หรอก”
ชาติชายเข้าใจที่ลูกชายของเขาบอก
“งั้น...แกโทรไปเรียกยายฟ้ากลับมาแล้วกัน บอกว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย” ชาติชายสั่ง
“ใจเย็นๆครับ ผมว่าเราใช้โทรเลขดีกว่า”
“โทรเลข?” ชาติชายไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
ภัทรพลยิ้ม ตอนนี้เขามีแผนการอยู่ในใจแล้ว

ครื่องบินกำลังร่อนลงสู่สนามบินกรุงเทพฯในตอนเย็นของวันนั้น
ฟ้ารุ่งเดินถือกระเป๋าใบโปรดออกจากด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วเดินเข้ามาทางห้องพักผู้โดยสาร
“ฟ้า! ทางนี้!”
หญิงสาวเหลียวมองไปตามเสียงเรียก เห็นภัทรพลโบกมือเรียกอยู่
ฟ้ารุ่งรีบเดินเข้าไปหาทันที
“คุณลุงเป็นไงบ้างคะ? พี่ภัท” หญิงสาวถามอย่างนึกเป็นห่วง
“กลับบ้านแล้วค่อยคุยกันดีกว่า” ภัทรพลบอก
ฟ้ารุ่งทำท่าเข้าใจดี
ภัทรพลช่วยนำกระเป๋าเดินทางของฟ้ารุ่งไปเก็บไว้ที่ท้ายรถ แล้วจึงมาช่วยเปิดประตูให้เธอขึ้นนั่งข้างคนขับ
ฟ้ารุ่งนั่งเงียบกริบไปตลอดทาง จนกระทั่งรถของพวกเขามาถึงบ้าน
หญิงสาวมองตัวบ้านที่จากไปนานด้วยสายตาแลดูเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย เพราะมีความทรงจำหลายๆอย่าง ทั้งความสุขและความทุกข์ระทม
วันนั้นเธอจำได้ดี วันที่เธอต้องเก็บกระเป๋าออกไปจากบ้าน เธอคิดว่าจะไม่มีวันได้กลับมาที่นี่อีกแล้วด้วยซ้ำ
ภัทรพลหันมาเห็นใบหน้าดูหมองเศร้าของเธอ ก็เข้าใจความรู้สึกของหญิงสาว
“ที่นี่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก” เขาจำต้องบอกกับเธอให้รับรู้
“เหรอคะ?” ฟ้ารุ่งได้แต่รับฟัง
“เข้าบ้านกันเถอะ” ภัทรพลบอก แล้วจึงพาหญิงสาวที่เพิ่งกลับมาเข้าบ้านไป
“กลับมาแล้วหรือ ภัท?” ดารารีบออกมาต้อนรับลูกชายที่ห้องโถง
“คุณแม่ ผมพาฟ้ารุ่งกลับมาด้วย” ชายหนุ่มบอก
“ฟ้ารุ่ง? ใครกันเหรอ?” ดาราถามไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นไม่เห็นหญิงสาวด้วยซ้ำ
ฟ้ารุ่งหน้าแดงจัด
“ฟ้าขอตัวไปดูอาการคุณลุงก่อนนะคะ พี่ภัท”
พูดแล้ว เธอก็รีบผละจากไปทันที
“คุณแม่” ภัทรพลทำเสียงตำหนิ
“ให้มันกลับมาทำไมอีกก็ไม่รู้ อยู่อย่างงั้นก็ดีแล้วแท้ๆ” ดาราพูดอย่างไม่ชอบใจจนเห็นได้ชัด
“ก็คุณพ่อไม่สบาย ท่านอยากจะเจอยายฟ้านี่ฮะ”
“ไม่สบายอะไรกัน แม่ว่าโรคสำออยล่ะมากกว่า คืนก่อน...แม่ยังเห็นไปคลุกกับเพื่อนที่บ่อนเลย”
ภัทรพลถอนใจเล็กน้อย
“นั่นมันงานนี่ฮะ คุณแม่ แต่จะยังไงก็ตาม คุณแม่อย่าไปทำให้ยายฟ้ารู้ตัวแล้วกัน ถ้าเกิดคุณพ่อโกรธขึ้นมาจริงๆ ผมไม่รับรู้ด้วยนะฮะ”
“เอ๊ะ? อะไรกัน? มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” ดาราถามขึ้นอย่างอยากรู้เต็มแก่

ฟ้ารุ่งหยุดเคาะประตูที่หน้าห้องของชาติชาย เธอรอจนได้ยินเสียงอนุญาตแล้วจึงได้เข้าไป
ชาติชายนอนอยู่บนเตียง เขาทำท่าลืมตาเล็กน้อยมองเธอ
“กลับมาแล้วหรือ ฟ้า?” ชาติชายถาม
ฟ้ารุ่งรีบเข้าไปกราบแทบเท้าของเขา
“ฟ้าได้รับโทรเลขด่วนจากพี่ภัท บอกว่าคุณลุงไม่สบาย อยากพบฟ้ามาก คุณลุงเป็นอะไรไปหรือคะ?” ฟ้ารุ่งรู้สึกเป็นห่วงเขามาก
“ลุงไม่เป็นไรมากหรอก” ชาติชายพูด
“แล้วทำไมต้องโทรเลขไปด้วยคะ? ถ้าโทรไปบอก ฟ้าก็คงกลับมาเร็วกว่านี้”
ชาติชายพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ฟ้ารุ่งเข้ามาช่วยพยุงให้เขาอิงหมอน
“ฟ้า บางที...ลุงอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานก็ได้” ชาติชายทำท่าเศร้าสลด
“ไม่จริงค่ะ คุณลุงจะต้องอายุยืนยาว” ฟ้ารุ่งอยากร้องไห้ เมื่อคิดว่าว่าอีกฝ่ายกำลังใกล้ตาย
“แต่คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ลุงเองก็อายุปูนนี้แล้ว จะตายวันนี้หรือพรุ่งนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไม่ใช่เหรอ? ลุงแค่อยากจะบอกให้ฟ้าเตรียมใจไว้เท่านั้น”
พูดแล้วชาติชายก็ทำท่ากระอักกระไอออกมา
“คุณลุง” ฟ้ารุ่งเรียกเขาเสียงสั่นเครือ
“ลุงคงไม่กล้าปิดบังความจริง แต่ลุงป่วยเป็นโรคร้าย อีกไม่นาน...ลุงก็คงจะต้องตาย”
ฟ้ารุ่งถึงกับน้ำตาร่วง
“ฟ้าไม่อยากให้คุณลุงตาย” เธอสะอื้นออกมาเบาๆ
“เรื่องนี้ฟ้าอย่าเพิ่งบอกใครนะ นอกจากเจ้าภัทแล้ว คนอื่นๆยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก” ชาติชายรีบบอกเธอ
“ค่ะ ฟ้าให้สัญญา ฟ้าจะไม่บอกใครเป็นอันขาด คุณลุงสบายใจเถิดค่ะ” ฟ้ารุ่งให้สัญญา
“ที่ลุงเรียกฟ้ากลับมา ก็เพราะอยากจะเห็นหน้าฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย...ก่อนที่ลุงจะต้องลาจากโลกนี้ไป”
ฟ้ารุ่งส่ายหน้า “ไม่นะคะ คุณลุงต้องไม่ตาย ไม่มีวิธีไหนที่จะช่วยคุณลุงได้เลยหรือคะ?”
ชาติชายทำหน้าเศร้าเสียใจมาก
“ถึงจะมี มันก็คงไม่มีประโยชน์หรอก ไหนๆลุงก็ใกล้จะตายแล้ว ก็ขอให้ฟ้าอยู่เป็นเพื่อนลุงนานๆนะ”
ฟ้ารุ่งพยักหน้า
“จริงสิ ลุงเอาแต่พูดๆ ฟ้าคงจะเหนื่อยแล้ว เพิ่งจะกลับมาเอง กลับไปพักที่ห้องเดิมของฟ้านะ ลุงให้เจ้าภัทมันช่วยจัดเตรียมไว้ให้แล้ว” ชาติชายบอก
“แต่ฟ้าอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงอีกสักพัก”
“ไปเถอะลูก ลุงเองก็อยากจะนอนพักอีกสักงีบเหมือนกัน เมื่อกี้เพิ่งทานยาไป ยังรู้สึกง่วงอยู่เลย”
ฟ้ารุ่งเข้าใจ จึงยอมออกจากห้องโดยดี
พอออกจากห้อง เธอก็เจอภัทรพลรออยู่พอดี
“พี่ภัทคะ คุณลุง...”
“ชู่ว...พูดที่นี่ไม่สะดวก เราไปที่ห้องของฟ้าก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มบอก
หญิงสาวเข้าใจ จึงเดินตามเขาไปที่ห้องของตน

อเข้ามาในห้อง ภัทรพลก็ปิดประตูไว้ เพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
“พี่ภัทคะ คุณลุงป่วยเป็นอะไรกันแน่คะ?” ฟ้ารุ่งถามโดยเร็ว
ภัทรพลทำหน้าขรึมไม่น้อย
“ท่านเป็นมะเร็งในกระเพาะลำไส้น่ะ หมอบอกว่าถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ไม่มีทางช่วย อย่างมากก็แค่หกเดือนเท่านั้น”
“คุณพระช่วย!” ฟ้ารุ่งอุทาน
“พวกเราไม่มีใครรู้ตัวเลย คุณพ่อก็ดูแข็งแรงดี ใครจะไปคิดว่าท่านจะเป็นโรคร้าย สงสัยเพราะเมื่อก่อนท่านกรำงานหนักมากเกินไปหน่อย ถึงได้กลายเป็นแบบนี้”
“แล้วจะทำไงดี? ไม่มีวิธีช่วยท่านอีกแล้วหรือคะ?”
“ที่จริง...ก็ใช่ว่าไม่มี...” ภัทรพลอึกอักเล็กน้อย
“หมายความว่าไงคะ?” ฟ้ารุ่งดูสงสัย
“คือ...พี่ได้ยินข่าวลือมาน่ะ ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจริงเท็จแค่ไหนเสียด้วย แต่หากมันเป็นเรื่องจริง คุณพ่อก็ยังพอมีทางจะรักษาให้หายได้”
“บอกมาเถอะค่ะ ถ้าหากทำได้ ฟ้าก็จะช่วยจนสุดความสามารถ”
ภัทรพลทำหน้าเครียด
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่นายเหมวันต์จะยอมง่ายๆอย่างงั้นเหรอ? เขาคงไม่มีทางมอบสูตรยาอมตะให้เราแน่”
“อะไรนะคะ? เหมวันต์? สูตรยาอมตะ?”
“พี่ได้ยินข่าวลือ นายเหมวันต์มีสูตรยาอมตะที่สามารถช่วยยืดชีวิตคนออกไปได้ หมอนี่เองก็ใช้ยารักษาตัวเองจนมีอายุยืนยาวมาได้เหมือนกัน หมอนั่นอายุแปดสิบปีแล้ว แต่หน้าตาดูเหมือนคนอายุเท่าพี่เลย พี่ลองไปพบเขาเพื่อลองขอยามา แต่ก็ไม่ได้ผล เขาบอกว่า ยานั่นจะมอบให้กับคนในครอบครัวเท่านั้น พูดง่ายๆคือ ถ้าไม่ใช่ลูกเมียของเขาล่ะก็ คงจะไม่มีทางแน่”
ฟ้ารุ่งถึงกับนิ่งอึ้ง
“พี่ว่าคงจะหมดทางแล้วล่ะ คุณพ่อคงต้องตายแน่”
“ไม่หรอกค่ะ ฟ้าจะลองไปพูดกับเขาดู”
“อย่าดีกว่า ไม่มีประโยชน์หรอก พี่เองก็ลองเต็มที่ทุกทางแล้ว ขนาดเสนอเงินไปตั้งสิบล้าน มันก็ยังไม่เอาเลย”
ฟ้ารุ่งอึกอัก
“ถ้าไม่ใช่คนที่ไว้เนื้อเชื่อใจจริงๆ เขาคงจะไม่ยอมมอบสูตรยาให้แน่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราคงได้แต่เฝ้าดูคุณพ่อค่อยๆตายช้าๆอย่างทรมาน”
ฟ้ารุ่งรู้สึกทนดูไม่ได้
“ฟ้าจะลองดูค่ะ ฟ้าจะต้องทำให้เขายอมมอบสูตรยานั่นออกมาให้ได้”
“หมายความว่า...ฟ้าจะแต่งงานกับหมอนั่นเหรอ? แต่ฟ้าเพิ่งอายุแค่ยี่สิบเอง หมอนั่นอายุปาไปเกือบร้อยแล้วนะ”
“แต่คุณลุงมีพระคุณต่อฟ้า หลังจากที่พ่อแม่ฟ้าตายไปหมด ถ้าไม่ได้คุณลุงยื่นมือมาอุปการะไว้ล่ะก็ ฟ้าก็คงจะไม่มีวันนี้แน่ ฟ้าตัดสินใจแล้ว ฟ้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตคุณลุงให้จงได้ ฟ้าจะทำให้นายเหมวันต์ยอมมอบสูตรยาเอง”
“ฟ้า พี่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีแล้ว” ภัทรพลทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เขายกมือปิดหน้าตัวเอง
“พี่ภัท วางใจเถอะค่ะ ฟ้าจะต้องช่วยชีวิตคุณลุงได้แน่นอน เชื่อฟ้าเถอะนะคะ”
ภัทรพลทำท่าลังเล ก่อนพยักหน้าน้อยๆ
“ขอบใจนะฟ้า ถ้าฟ้าทำสำเร็จ พวกเราทุกคนจะไม่ลืมบุญคุณฟ้าอย่างแน่นอน”
ฟ้ารุ่งพยักหน้า เธอสาบานว่าต้องทำให้ได้

คืนนั้น ฟ้ารุ่งออกมาดูดาวบนฟ้าตรงระเบียง
‘คุณพ่อคุณแม่คะ คอยช่วยเป็นกำลังใจให้ฟ้าทำสำเร็จนะคะ ฟ้าอยากจะช่วยคุณลุงค่ะ คงจะมีแต่ฟ้าเท่านั้น ที่จะช่วยคุณลุงได้’ เธอพูดกับดวงดาวบนท้องฟ้า โดยสมมุติว่าเป็นบิดามารดาของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว
สายลมพัดโชยเบาๆทำให้เธออดรู้สึกไม่ได้ว่า วิญญาณของพ่อแม่เธอรับรู้และเข้าใจ ทั้งคอยช่วยเป็นกำลังใจให้

วันรุ่งขึ้น ภัทรพลก็ขับรถพาหญิงสาวมุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์แดง
“นายเหมวันต์เคยเจอพี่มาแล้ว หากเขารู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของพี่ล่ะก็ พี่ว่าต้องเรื่องใหญ่แน่ๆ” ภัทรพลทำท่าไม่ค่อยสบายใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เขาจะต้องไม่รู้ความจริงแน่” ฟ้ารุ่งบอกกับเขา
“แล้วเธอจะทำยังไงถึงทำให้เขาตกหลุมเธอได้? เธอรู้วิธีจัดการกับเขาแล้วเหรอ?” ภัทรพลยังดูสงสัย
“ฟ้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะชอบผู้หญิงสาวๆสวยๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?” ฟ้ารุ่งมั่นใจว่าตัวเองก็สวยพออยู่แล้ว ถ้าเหมวันต์จะไม่เรื่องมากจนเกินไป
ภัทรพลยิ้ม เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง จึงเชื่อแน่ว่าฟ้ารุ่งจะต้องพิชิตใจเหมวันต์ได้แน่ ลองถ้าเธอตั้งใจจริงแบบนี้ล่ะก็
เว้นแต่หมอนั่นจะเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน
“พี่สืบเรื่องของหมอนั่นมาแล้ว ทุกๆเช้าและเย็นเขาจะชอบออกมาเดินเล่นคนเดียว เป็นโอกาสดี ที่เธอจะเข้าหาเขาได้อย่างไม่มีพิรุธ” ภัทรพลบอกแผนการให้เธอฟังคร่าวๆ
“พี่ซื้อกระท่อมตรงเนินนั่นไว้ เพราะว่ามันอยู่ใกล้บ้านของนายเหมวันต์ที่สุด ถ้าจะเจอกันโดยบังเอิญเพราะบ้านอยู่ติดกันก็ไม่แปลก ฟ้าคงต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฟ้าอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?” ภัทรพลถามเธออย่างนึกเป็นห่วง
หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างไม่เกรงกลัว
“ฟ้าอยู่ได้ค่ะ สบายมาก” เธอทำท่าชูกำปั้นให้ดู แสดงว่าเธออยู่ได้จริงๆ
ภัทรพลยิ้ม เขาเองก็คิดว่าเธอคงเอาตัวรอดได้
“ถ้าหมอนั่นสงสัย ว่าทำไมเธอเป็นผู้หญิง แต่มาอยู่ที่นี่ตามลำพัง ก็บอกมันไปว่า เธอเพิ่งเลิกกับแฟน ก็เลยมาหาที่สงบใจ แบบนี้อาจทำให้หมอนั่นนึกสงสารเธอก็ได้”
“เลิกกับแฟนหรือคะ?” ฟ้ารุ่งแทบไม่กระพริบตา เธอยังไม่เคยมีแม้แต่คู่รักด้วยซ้ำ
“พี่หมายถึงสามีแหละ เธอต้องรับบทเป็นผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ผู้ชายน่ะมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูง ถ้าเธอยังโสดอยู่ล่ะก็ หมอนั่นอาจเผ่นหนีเธอไปไกลๆ แต่ถ้าเธอเคยมีประวัติแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหน...ก็คงอยากจะเข้ามาแสดงความสงสารเห็นใจทั้งนั้นแหละ ยิ่งสวยขนาดเธอล่ะก็”
“ค่ะ ฟ้าเข้าใจแล้ว” หญิงสาวพยักหน้า
“ฟ้า จำไว้นะ เรามีเวลาแค่หกเดือนเท่านั้น เธอจะต้องทำสำเร็จให้ได้ก่อนถึงเวลานั้น เวลาไม่รีรอ แค่หกเดือนมันผ่านไปเร็วมาก เพราะงั้นเธอต้องรีบตักตวงทุกวินาทีไว้ ชีวิตคุณพ่อขึ้นอยู่กับเธอคนเดียว สิ่งที่เราต้องการคือ แค่ให้นายเหมวันต์ยอมบอกสูตรยาออกมาเท่านั้น เพราะงั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องไปเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้หมอนั่น พอได้สูตรยาแล้ว เธอก็รีบกลับมาหาพี่ทันที แค่นี้แหละ”
ฟ้ารุ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจดี
“ที่เหลือ...เธอคงจะต้องจัดการเอาเอง พี่คงจะช่วยได้แค่นี้แหละ” ภัทรพลบอก เมื่อเห็นเธอมีท่าทางดูเข้าใจ
เขาจอดรถที่หน้ากระท่อมหลังที่ว่า แล้วชี้ให้เธอดูว่าจะลงไปที่คฤหาสน์แดงได้อย่างไร
ฟ้ารุ่งฟังอย่างตั้งใจมาก เพราะเธอมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยชีวิตของชาติชายให้ได้
ภัทรพลช่วยนำกระเป๋าเสื้อผ้ามาวางไว้ในห้องโถง ก่อนที่เขาจะทิ้งเธอไว้ตามลำพัง และขับรถจากไป
ฟ้ารุ่งมองสภาพในบ้านที่ดูซอมซ่อ คนละเรื่องกับบ้านของชาติชายเลย
แต่เธอจะต้องอยู่ที่นี่ไปพลางๆ ในระหว่างที่หาทางทำให้เหมวันต์ตกหลุมรักเธอ และยอมแต่งงานกับเธอ
หญิงสาวคิดว่า คงต้องเริ่มกันพรุ่งนี้ เพราะเธอคงต้องใช้เวลาในการจัดการกับที่พักใหม่ของเธอให้ดูสะอาดเรียบร้อยเข้าไว้ เผื่อว่าเหมวันต์เกิดมาเห็นเข้า เขาจะได้ไม่นึกตำหนิเธอได้เป็นอันขาด

หมวันต์กำลังยืนมองออกไปทางนอกหน้าต่างอยู่
“มีอะไรหรือครับ ท่าน?” ระเด่นถามอย่างสงสัย
“มีคนย้ายเข้ามาอยู่ที่กระท่อมนั้นแล้วล่ะ ฉันเห็นมีแสงไฟส่องสว่างอยู่” เหมวันต์พูด
“จริงหรือครับ? สงสัยคงจะเพิ่งย้ายมา เพราะเช้านี้ผมเดินผ่านไป ก็ยังไม่เห็นมีใคร”
“เรามีเพื่อนบ้านใหม่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหนนะ?” ชายหนุ่มอดพูดอย่างสงสัยไม่ได้
“ถ้าเป็นคนดี ก็ดีใช่ไหมครับ?” ระเด่นถามยิ้มๆ
เหมวันต์ไม่ตอบ
“เดี๋ยวฉันขึ้นนอนเลยดีกว่า ระเด่นอย่าลืมปิดไฟล่ะ”
“ครับ คุณเหมวันต์”
เหมวันต์ขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องของตนเอง
เขาล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานั้น
“สูตรยาอมตะเหรอ?” พูดแล้วเขาก็นิ่งไปทันที
“เอาเถอะ พวกนั้นไม่มีทางรู้อยู่แล้ว”
จากนั้นชายหนุ่มก็หลับตา

home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป