หน้า 1 2 3 5 6 7 8 9 10 11
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๔…

ถคันนั้นจอดอยู่ริมถนน คนขับที่สวมแว่นตาดำก็คอยสอดส่ายสายตามองหารถเก๋งที่ดูน่าสงสัย เขายังไม่เห็นภูสันต์แวะมาที่สำนักงานเลย ทั้งๆที่เขามาเฝ้ารออยู่หลายวันแล้ว
แต่ทันใด รถคันหนึ่งก็ขับเลี้ยวเข้าไปในตัวตึก วรงค์จำหน้าคนขับได้ ก็นึกกระหยิ่มใจว่า วันนี้แหละ
เขาคอยเฝ้าดูต่อไป เพราะไม่ทราบว่าภูสันต์จะออกมาเมื่อไหร่ เขาไม่อยากให้คลาดสายตาแม้วินาที
วรงค์รอจนใกล้เที่ยง ภูสันต์ก็ขับรถออกมาอีก เขาจึงรีบขับรถตามหลังไปห่างๆ พยายามไม่ให้เข้าใกล้ เพราะเกรงว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวเสียก่อน
ภูสันต์ขับรถเข้าไปในโรงแรม วรงค์นึกสงสัยจึงแอบไปดูให้เห็นกับตา ก็เห็นว่าเขาไปทานข้าวกับสาวสวยคนหนึ่ง ซึ่งคงจะนัดให้ออกมาเจอกัน
วรงค์อดยิ้มขำหน่อยๆไม่ได้ เพราะสุดท้ายภูสันต์ก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งธรรมดาๆที่พอมีเวลาก็อดหาเศษหาเลยไม่ได้ ทำเป็นประกาศให้ใครต่อใครเห็นอกเห็นใจว่าจะไม่แต่งงานใหม่ คนอื่นๆถึงกับพากันยกย่องเทิดทูนว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียว
ภูสันต์มัวแต่เย้าหยอกหญิงสาวตรงหน้า ไม่ได้ฉุกใจว่า อาจมีใครแอบสะกดตามรอยเขาอยู่ พอทานข้าวเสร็จ เขาก็พาเธอไปยังบ้านจัดสรรที่เขาได้ซื้อเตรียมไว้ เผื่อสำหรับเป็นบ้านส่วนตัวของเขาเอง เขาไม่อยากพาผู้หญิงของเขาไปที่บ้าน ซึ่งจะทำให้ภูริศารู้สึกไม่ดีขึ้นมา เกศราเองก็อาจน้อยใจได้
วรงค์ขับตามมา แล้วก็ต้องนั่งรอจนเย็น กว่าภูสันต์จะขับรถพาหญิงสาวไปส่งถึงบ้านของเธอ
วรงค์กำลังเตรียมจะขับรถตามไปอีก เมื่อภูสันต์ขับไปผ่านด่านตรวจ ชายหนุ่มก็ถูกเรียกให้หยุดรถ ภูสันต์พูดอะไรไม่ทราบกับตำรวจ แล้วพวกตำรวจก็หันมามองรถของวรงค์ที่ค่อยขับใกล้เข้ามา
ตำรวจรีบเรียกรถของเขาหยุด วรงค์จึงต้องหยุดรถลง และเขาก็เห็นภูสันต์ขับรถจากไป
“ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ” ตำรวจพูดกับวรงค์
“แต่ผมกำลังรีบ...”
“รีบอะไรครับ? หรือคุณกำลังขับรถตามหลังใครอยู่?”
วรงค์อึกอัก
“ปละ...เปล่าครับ ทำไมคุณตำรวจว่างั้น?”
“ถ้าเปล่าก็ไม่เป็นไรครับ งั้นขอให้คุณช่วยให้ความร่วมมือด้วย ผมอยากตรวจรถคุณ เพราะเมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นบอกผมว่า ในรถคุณมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่”
วรงค์หน้าเผือดด้วยความโกรธ แต่ไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น
กว่าตำรวจจะช่วยกันตรวจค้นรถของเขาเสร็จ ก็ต้องเสียเวลาไปร่วมชั่วโมง

วันต่อมา วรงค์ก็รีบขับรถมาที่สำนักงานของภูสันต์ดู และพบว่าสำนักงานแห่งนั้นถูกปิดไปแล้ว เขาไปลองถามคนแถวนั้น ก็ทราบว่าเจ้าของเลิกกิจการกะทันหัน เห็นว่าที่นี่คับแคบเกินไป ก็เลยบอกขาย และไปหาสถานที่อื่นแทน
วรงค์โมโหมาก เขาไม่ได้ไปที่บ้านหลังเล็กของภูสันต์ เพราะชายหนุ่มเองก็คงจะบอกขายไปอีกแล้วเช่นกัน ตอนนี้คงรู้ตัวว่าถูกจับตามองอยู่ จึงได้รีบจัดการขายทุกอย่างไป
เขาจึงขับรถกลับมาบ้านด้วยความผิดหวัง กมลชนกที่เข้าครัวทำกับข้าวก็ออกมาต้อนรับเอาใจเต็มที่
“ว่าไงคะ?” เธอถามเขา
แต่วรงค์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หญิงสาวจึงรู้สึกตัวว่าคงมีอะไรผิดปรกติแน่
“ไอ้หมอนี่มันคงเป็นพวกกระรอก มันมีรูให้มุดหัวอยู่ทั่วไปหมด นึกอยากจะทิ้งรังเก่าย้ายไปรังใหม่ก็ทำง่ายๆ ตอนนี้มันก็รู้ตัวแล้ว คงไม่ยอมโผล่มาให้เห็นง่ายๆอีก”
กมลชนกมีทีท่าดูเสียใจอยู่ไม่น้อย
“แบบนี้...ฉันก็ไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกอีกซีคะ ตั้งแต่แกลืมตาขึ้นมาดูโลก ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าแกเลยแม้แค่แวบเดียว”
“ก็เพราะไอ้ภูสันต์แหละ มันจงใจที่จะแยกพวกเราสามคนออกจากกัน” วรงค์แค้นจนแทบเลือดกระอัก
“ไม่ว่ายังไง...ฉันก็ยังอยากพบหน้าลูก แค่ครั้งเดียวก็ยังดี คุณไม่มีวิธีอีกบ้างหรือคะ?”
วรงค์ส่ายหน้า “ผมยังนึกไม่ออก”
กมลชนกอึ้งไป
“เอาเถอะค่ะ เราทานข้าวกันก่อน ไว้นึกออกแล้ว เราก็ค่อยมาว่ากันใหม่” หญิงสาวรีบบอก
ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นจึงนั่งลงชวนกันทานข้าวต่อไป

"ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คุณภูสันต์ย้ายสำนักงานไปไหน จู่ๆเขาก็มาบอกยกเลิกสัญญาว่าจ้างกับผมเอาดื้อๆ แต่เขาก็ให้เงินค่าชดเชยผมมากพอดู ผมจึงไม่ได้ซักถามอะไร” นายหน้าที่เป็นตัวแทนของภูสันต์บอกกับเขา
“ว่าแต่...คุณภูสันต์เขามีพูดอะไรถึงผมบ้างหรือเปล่า?” วรงค์ถามอย่างนึกระแวงอยู่
ชายกลางคนทำท่านึกขึ้นได้ “จริงสิ พอพูดถึงเรื่องนี้...ก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ ตอนที่เขาถามผมถึงเรื่องคนออกแบบสำนักงาน พอเขารู้ชื่อของคุณเท่านั้น เขาก็บอกว่าจะขายทิ้งเพื่อย้ายไปอยู่ที่ดีกว่านี้ เขาบอกให้ผมรีบจัดการด่วน จะขายถูกยังไงก็ได้ทั้งนั้น และให้โอนเงินผ่านทางบัญชีธนาคาร จากนั้นเขาถึงพูดว่า จะยกเลิกสัญญากับผมด้วย” พูดแล้วชายกลางคนก็จ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าทันที
“ถามจริงๆเถอะ คุณกับคุณภูสันต์รู้จักกันมาก่อนใช่ไหมครับ? ไม่งั้นเขาคงไม่ทำอะไรหุนหันแบบนี้แน่”
วรงค์ได้แต่เงียบกริบไป

มลชนกออกมาจ่ายตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบกลับไปทำเป็นอาหารมื้อเย็นสำหรับวันนั้น และโดยที่เธอไม่ได้คาดฝันมาก่อน เธอก็ได้พบกับผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่ดูคุ้นหน้าตาชอบกลอยู่
หญิงสาวคนนั้นเองก็กำลังมาจ่ายกับข้าวเช่นกัน ต่างก็มองหน้ากันเองด้วยความฉงนฉงายอยู่
แต่แล้วต่างฝ่ายก็นึกออก ว่าครั้งหนึ่งพวกเธอเคยเจอกันที่โรงพยาบาลเมื่อหลายปีก่อนนี่เอง
เกศราตกใจมาก รีบหมุนตัวหนีโดยเร็ว ไม่ยอมรับตังค์ทอนจากแม่ค้าด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวค่ะ” กมลชนกร้องเรียกเธอ
จากนั้นก็วิ่งไล่ติดตามกันจ้าละหวั่น เกศราเองก็หนีไปอย่างอุตลุต ทำเอาใครๆพากันหันมามองอย่างสนใจมาก
เกศราออกมาพบรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็รีบขึ้นไปนั่งค่อม สั่งคนขับให้รีบขับให้เร็วที่สุด
กมลชนกเองก็ไม่รอช้า เธอรีบไปนั่งหลังมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคันให้ขับตามกวดไป
จนกระทั่งมีรถของตำรวจขับไล่ตามรถทั้งสองมา ฐานขับเร็วเกินพิกัด
“ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเธอขับหนีพ้น ฉันจะให้เธอห้าพันบาท” เกศราบอกกับคนขับเสียงดังเต็มที่
คนขับได้ยินก็รีบซิ่งเต็มที่ ไม่สนใจว่าจะมีใครไล่กวดมากันบ้าง เพราะถึงถูกจับ อย่างดีก็คงโดนปรับแค่ไม่กี่ร้อย
และด้วยเหตุนี้ หญิงสาวก็กลับถึงบ้านได้โดยที่ไม่มีใครติดตามมา
“ขอบใจมาก รอเดี๋ยวนะ ฉันจะเข้าไปหยิบเงินมาให้” เกศราบอกคนขับมอเตอร์ไซค์
จากนั้นเธอก็ไปนำเงินห้าพันมามอบให้ แล้วก็กลับไปรายงานให้ภูสันต์ทราบ เพราะเขาสมควรจะทราบเรื่องนี้
ภูสันต์ได้ยินก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่
“ทำไงดีคะ? พวกเขาดูจะยังตามราวีไม่ลดละ สักวันคงตามมาจนพบแน่ๆเลยค่ะ” เกศราพูดอย่างไม่สบายใจมาก
“แล้วจะให้ทำยังไง?” ภูสันต์ย้อนถาม
เกศราถอนใจ
“ถ้าพี่กรรชัยอยู่ด้วยล่ะก็ เขาคงช่วยแนะนำอะไรดีๆให้ได้บ้าง”
“กรรชัยเหรอ?” ภูสันต์ขมวดคิ้ว “เอาเถอะ ไว้เดี๋ยวฉันจะโทรทางไกลไปคุยกับเขาดูแล้วกัน”
วันต่อมา กรรชัยก็มาปรากฎตัวที่บ้าน พวกเด็กๆเห็นเขาก็พากันตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไปหมด
“ลุงกรรชัยจะมาอยู่กับพวกเราหรือครับ?” สุวัฒน์ถาม เพราะคิดว่ากรรชัยคงถูกเรียกตัวให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน
“เปล่าหรอก ลุงแค่มาเยี่ยม และมีเรื่องจะคุยกับนายภูอีกด้วย” กรรชัยบอกกับหลานชายของเขา
“กรรชัย เดี๋ยวฉันจะไปรอที่ห้องทำงานนะ” ภูสันต์พูดกับเขา
จากนั้นชายหนุ่มก็ไปนั่งรอที่ห้องทำงาน แล้วสักครู่หนึ่ง กรรชัยก็ตามมา
“นั่งคุยกันสิ” ภูสันต์บอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมยืนได้” กรรชัยพูดเร็ว
“ไม่เป็นไรน่า ตอนนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้น”
กรรชัยจึงยอมนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้าม
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรอกนะ แต่รู้สึกว่า พักนี้ฉันจะดวงสมพงษ์กับคนพวกนั้นจริงๆ นายวรงค์มันเคยลอบตามฉันมาทีแล้ว เกศราก็ยังเจอกมลชนกเข้าอีกคน เห็นว่าถึงกับซิ่งมอเตอร์ไซค์ไล่แข่งกันด้วย ตำรวจถึงกับขับรถไล่ตามหลังมา”
“พวกนั้นคงจะยังไม่ยอมแพ้ ถึงได้ทำแบบนั้น” กรรชัยพูด
“งั้นซี ต่างฝ่ายก็ต่างคิดจะเอาชนะ แต่ไงๆฉันก็ไม่ยอมยกยายหนูคืนให้แน่ ฉันเลี้ยงมันมากับมือ มันเป็นลูกฉันต่างหากล่ะ”
“ถ้าตอนแรกนายภูทำอย่างที่ผมบอก ให้สลับตัวเด็กทั้งสองคนเสีย วันนี้ก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้แน่” กรรชัยบอกกับเขา
“ฉันสงสารเกศราน่ะ สามีเพิ่งจะตายไป ยังจะมาเสียลูกคนเล็กไปอีก” ภูสันต์ได้แต่ถอนใจ
“แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะครับ”
ภูสันต์มองหน้าเขา
“หมายความว่ายังไง?”
“ใกล้วันเกิดคุณหนูแล้ว ผมอยากให้นายภูจัดงานเลี้ยงวันเกิด และเชิญแขกเหรื่อมาให้มากๆ ประการหนึ่งก็เพื่อสร้างฐานะทางสังคมของตัวนายภูเองให้เป็นบึกแผ่น คนอื่นๆก็จะได้รู้จักและนึกยำเกรงนายภู คนแถวบ้านเราน่ะ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักพ่อเลี้ยงภูสันต์ แต่ถ้าที่นี่...ถึงพูดไปก็คงไม่มีกี่คนที่รู้จัก บางคนอาจกำลังนึกดูถูก เห็นเป็นพวกบ้านนอกคอกนา ผมจึงอยากจะช่วยนายภูขยายอิทธิพลที่นี่”
ภูสันต์ฟังก็รู้สึกว่าเข้าท่าดี
“ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนี่ แล้วยังไงอีก?”
“ถ้านายภูได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีสักคน และเป็นคนที่มีอำนาจวาสนา ผมว่ามันจะยิ่งช่วยทำให้ทุกอย่างไปได้เร็วขึ้น”
“แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน”
“แม้แค่แต่งเพื่อสร้างอำนาจทางการเมืองหรือครับ?”
ภูสันต์จึงขมวดคิ้ว
“เอาเถอะครับ เรื่องนี้ก็แล้วแต่นายภู ผมก็ทำได้แค่แนะนำเฉยๆเท่านั้น แต่ที่สำคัญ...งานนี้ผมอยากให้นายภูพาคุณหนูไปซ่อนที่อื่น และให้สิริมามารับบทคุณหนูแทน”
ภูสันต์เบิกตากว้าง เมื่อเข้าใจความคิดของเขา
“จะให้เอาสิริมามาสวมรอยเป็นลูกสาวฉันงั้นหรือ?”
“ครับ ให้คนพวกนั้นเข้าใจว่าสิริมาก็คือลูกของพวกเขา พวกเขาจะได้ไม่มายุ่งกับคุณหนู สองคนนั้นยังไม่เคยเห็นหน้าตาคุณหนูสักครั้ง พวกเขาจะต้องตกหลุมทันทีแน่”
“ทำแบบนี้ก็น่าสงสารสิริมา”
“แล้วท่านไม่สงสารคุณหนูบ้างหรือครับ? ถ้าให้รู้ความจริงว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของนายภู แต่เป็นลูกติดของชู้แม่ตัวเอง ก็ลองคิดภาพดูเอาเองเถอะครับ คุณหนูจะโศกเศร้าเสียมากขนาดไหน ตัวนายภูเองก็คงเสียใจที่ต้องถูกแย่งเอาลูกกลับคืนไป นายภูไม่มีทางเลือกอื่นหรอกครับ ศึกครั้งนี้เดิมพันกันด้วยเกียรต์ของนายภูเอง จะปล่อยให้คนที่เคยหยามศักดิ์ศรีของนายภูเป็นผู้ชนะในตอนหลังหรือครับ”
ภูสันต์อึ้ง ก่อนจะพยักหน้า
“ตกลง ทำตามแผนที่นายว่าก็ได้ ฉันจะประกาศข่าวลงหนังสือพิมพ์ เชิญคนทั่วไปให้มารู้จักกับลูกสาวของฉันเอง”
กรรชัยยิ้มน้อยๆ
“แล้วผมจะพูดกับเกศราให้เองครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันพูดกับเขาเองดีกว่า ส่วนแกก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อน อยู่ช่วยงานฉันสักระยะ จนกว่าอะไรๆจะเรียบร้อย”
“ได้ครับ นายภู” กรรชัยพูด

สียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น กมลชนกเดินออกมารับสาย
“ฮัลโหล” หญิงสาวกรอกเสียง
“ผมขอสายคุณวรงค์ด้วยครับ” ปลายสายพูด
“จะให้บอกว่าใครโทรมาหรือคะ?”
“บอกเขาว่าคนชื่อขจรเกียรติ์โทรมา เขาจะทราบเอง”
กมลชนกจึงไปบอกสามี
วรงค์งุนงงเล็กน้อย ไม่ทราบว่าทำไมชายกลางคนจึงได้โทรมาหาเขา
“ครับ มีอะไรหรือครับ?” วรงค์ถามไปตามสาย
“คุณวรงค์ ผมมีข่าวดีจะบอกคุณ เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งจะได้รับบัตรเชิญไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ทราบหรือเปล่าว่าเป็นงานวันเกิดของใคร”
“แล้วงานของใครล่ะครับ?” วรงค์ถามอย่างใจเย็น ซ่อนน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มที่
“ก็จะมีใครอีกล่ะ งานวันเกิดของลูกสาวคุณภูสันต์เองน่ะซี เห็นว่าปีนี้อายุห้าขวบพอดีนี่”
วรงค์ถึงกับตัวนิ่งแข็งเป็นครู่
“จริงหรือครับ? งั้นงานนี้เขาจัดขึ้นที่ไหน? บ้านเขาเองหรือเปล่า?”
“ครับ เป็นบ้านของเขาเองแหละ ผมคิดว่าคุณคงสนใจแน่ ถึงได้โทรมาบอกให้คุณรู้ตัวไงล่ะ นี่...เขามีประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย ดูเหมือนคุณภูสันต์คงคิดอยากขยายอิทธิพลของตัวเองแน่ ถึงได้ทำทีจัดงานวันเกิดของลูกสาวซะใหญ่โตไปเลย งานนี้ผมว่าต้องสนุกแน่ๆ คุณอยากจะไปไหม?”
“อยากซีครับ คุณขจรเกียรติ์ ถ้าคุณจะกรุณาช่วยให้ผมกับภรรยาสามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ล่ะก็ ผมจะไม่มีวันลืมพระคุณของคุณชั่วชีวิตแน่”
“งั้นตกลง คุณกับภรรยาก็ไปเตรียมตัดชุดออกงานกันได้เลย ผมจะพาพวกคุณสองคนไปเอง”
“ขอบคุณมากเลยครับ คุณขจรเกียรติ์” วรงค์กล่าวขึ้นอย่างซาบซึ้งใจมาก
จากนั้นเขาก็นำเรื่องนี้มาบอกกมลชนกให้ดีใจ เธอแทบไม่เชื่อหู
“คุณพูดจริงหรือคะ?” เธอถามย้ำให้แน่
“ก็จริงน่ะซี เราสองคนกำลังจะได้ไปงานวันเกิดของยายหนูของเรา งานนี้เราสองคนไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง”
“แต่...”
“มีอะไร?” วรงค์เห็นเธอมีสีหน้าไม่สบายใจอยู่
“คุณภูสันต์สิคะ ถ้าเขาเห็นหน้าเราเข้า จะว่ายังไง”
“จะว่ายังไงก็ช่างหัว ผมน่ะอยากจะเห็นหน้าลูกของเราเต็มทีแล้ว แต่ถึงยังไง ผมก็คิดว่า มันคงไม่กล้าฉีกหน้าตัวเองกลางงานเลี้ยงของมันเองแน่ แถมที่มันจัดงานนี่ ก็เพื่อจะขยายอำนาจของตัวเอง เพราะงั้นมันคงไม่กล้าทำอะไรเราหรอก”
กมลชนกได้ฟังก็ค่อยวางใจเล็กน้อย
“ผมคิดว่า ถ้าเจอลูกแล้ว ผมจะบอกความจริงให้เขารู้เอาไว้ ว่าผมต่างหากที่เป็นพ่อมัน”
“จะดีหรือคะ?” กมลชนกชักไม่แน่ใจ
“ถามอะไรแบบนั้นล่ะ ผมเป็นพ่อนะ จะให้ผมมุดหัวอยู่ใต้เงาของไอ้ภูสันต์ตลอดไปทั้งชาติรึไง จะผิดจะถูกยังไง ผมก็ยังเป็นพ่อ สักวันลูกจะต้องรู้ความจริง”
หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อย แต่เธอไม่กล้าว่าอะไรทั้งสิ้น

อถึงวันงานก็มีแขกเหรื่อมากันมากมาย เรียกว่าแทบจะมืดฟ้ามัวดิน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นงานพระราชประเพณีอะไรสักอย่าง เพราะเจ้าของงานต้องการจัดให้โก้หรูที่สุด โดยอ้างว่าอยากจะแนะนำลูกสาวของตนให้ทุกคนได้รู้จัก
แน่นอนว่า เมื่อมีงานที่ไหน ก็ต้องมีการนินทาที่นั่น มีคนออกปากว่า “กะแค่จัดงานลูกสาวอายุห้าขวบ ไม่เห็นต้องจัดให้ใหญ่โตขนาดนี้ แบบนี้ต้องมีเบื้องลึกอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ”
“โธ่ ไม่น่าถาม ก็รู้ๆกันอยู่ คุณภูสันต์คนนี้เพิ่งจะออกมาจากป่าเขา เขาก็ต้องอยากขยายอิทธิพลที่นี่สิเธอ แต่รู้แล้วก็เหยียบไว้ดีกว่านะ อย่าไปให้เจ้าตัวได้ยินเชียวล่ะ” มีเสียงตอบกลับไปโดยเร็ว
“ทำไมล่ะ?” มีหญิงสาวคนหนึ่งที่มาร่วมงานนี้ถามอย่างสงสัย เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเชิญมาพร้อมกับครอบครัว
“ไม่รู้รึไงยะ เขาลือกันให้แซด ว่าคุณภูสันต์คนนี้น่ะเป็นเจ้าพ่อมาเฟียเชียวนะ ถ้าไม่อยากถูกยิงไส้แตก เราก็ทำเงียบๆไปดีกว่า”
ต่างคนก็ต่างหุบปากกันไปทันที เมื่อได้ยินคำเตือนเช่นนั้น
วรงค์ได้ยินก็ทำท่าเลิกคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง
“นั่นไง เขาเดินออกมานู่นแล้ว” จู่ๆก็มีคนพูดขึ้น
ทุกคน...รวมทั้งวรงค์กับกมลชนกก็หันไปมองกัน
เหล่าสาวๆเกือบตาค้างไปกันหมด
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดทักสิโด้ดูเท่ระเบิดราวพระเอกในนวนิยาย กำลังจูงมือเด็กหญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงบานสีชมพูสดใสงดงามราวกับเจ้าหญิงน้อย
ถึงจะดูแปลกๆอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่า ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลาและภูมิฐานยิ่งกว่าหนุ่มสังคมชั้นสูงที่พวกเธอรู้จักกัน
“จะเป็นเจ้าพ่ออะไรก็ช่างเถอะ แต่ฉันอยากจะเป็นเจ้าแม่ ยืนอยู่เคียงคู่เขาจังเลย” มีคนหนึ่งพูดออกมาอย่างไม่นึกอับอายบ้าง
“เจ้าประคู้น ขอให้เขาหันมาเห็นเราทีเถอะ ลูกช้างจะไปแก้ผ้าเต้นระบำถวาย” มีคนพนมมืออธิษฐาน
วรงค์รู้สึกหมั่นไส้ เมื่อกี้เพิ่งจะนินทาเจ้าของงานหยกๆ แต่ตอนนี้กลับทำตาลอยฝันหาไปแล้ว
เขามองภรรยาสาว เธอเองก็พยายามชะเง้อมองออกไป สีหน้าดูปิติยินดีอยู่ เขานึกสงสัยว่าเธอดีใจที่ได้เห็นหน้าลูก หรือได้เจอหน้าอดีตสามีอีกครั้งกันแน่
เขาจับมือเธอดึงหลบมาข้างหลังคนอื่น เพื่อไม่ให้ภูสันต์มองเห็นพวกเขา กมลชนกถึงกับอึ้งไป เพราะแบบนี้เธอก็มองอะไรไม่เห็นพอดี
“ทุกท่านครับ” ภูสันต์ส่งเสียงประกาศดังๆเพื่อให้ผู้คนหันมามองเขา
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบนำไมโคโฟนมาส่งให้เขากับมือ
คนอื่นๆก็พากันหันไปมองเป็นตาเดียว
“ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่พวกคุณมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของลูกสาวผม และผมอยากจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเธอ ภูริศา โภคินเลิศทรัพย์ ต่อไปวันหน้า...เธอจะกลายเป็นทายาทของผมสืบต่อไป ผมจึงอยากจะฝากฝังลูกสาวของผมคนนี้ ขอให้ทุกคนช่วยต้อนรับเธอด้วย ลูกของผมยังเด็กอยู่ ยังไม่ค่อยรู้อะไร ถ้าไงก็ช่วยกรุณาอบรมสั่งสอนด้วยนะครับ”
มีเสียงใครบางคนตบมือขึ้นมาก่อน คล้ายกับว่าเป็นการแสดงความยินดีต้อนรับตามที่ภูสันต์ต้องการ(ความจริงเป็นหน้าม้าที่กรรชัยเตรียมไว้แต่แรกนั่นเอง) คนอื่นๆจึงต้องพากันตบมือตามกันไป
ภูสันต์หันมากุมมือน้อยๆของเด็กหญิง
“คุณภูสันต์นี่เก่งจริงๆนะเธอ เข้าใจเอาลูกสาวมาใช้ทำประโยชน์สร้างชื่อให้ตัวเอง ทำเหมือนกับว่าเป็นพ่อที่รักลูกมาก แล้วแบบนี้ใครจะกล้าไม่ยอมรับพวกเขาพ่อลูกกันล่ะ” มีหญิงสาวคนหนึ่งพูดออกมาในกลุ่มกันเองเบาๆ เพราะไม่อยากให้เจ้าของงานได้ยินคำนินทา
“ว่าแต่เขาจะไม่แต่งงานใหม่จริงๆเหรอ? เล่นประกาศว่า จะให้เด็กตัวแค่นี้เป็นทายาทเสียด้วย” มีคนดูข้องใจอยู่
“มันก็ยังไม่แน่หรอกย่ะ ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ลืมภรรยาเก่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่า อนาคตเขาจะไม่พบกับรักใหม่ เรื่องของบุพเพสันนิวาส ใครจะฝืนได้ ถึงตอนนั้น...ก็อาจมีการเปลี่ยนตัวทายาทเลยก็ได้” หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างเชื่อมั่น
“อ้าว แล้วเด็กคนนี้ล่ะ” คนอื่นทำท่าสงสัยขึ้นมา
“ลูกเมียเก่าจะมาสู้ลูกเมียใหม่ได้ไง ยิ่งถ้าได้เป็นลูกชายด้วยล่ะก็แจ๋ว อีกอย่าง...ตามกฎหมายแล้ว ภรรยาย่อมจะมีสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกับสามี เพราะว่าถือเป็นบุคคลเดียวกัน กะอีแค่เด็กตัวกระเปี๊ยกขี้มูกราขี้ตากังแบบนั้น จะไปมีน้ำยาทำอะไรได้”
คนอื่นๆได้ยินก็พลอยเห็นจริงด้วยไปกับเธอ
กมลชนกได้ยินก็หน้าซีด เมื่อคิดว่าลูกของเธออาจต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าสักวันหนึ่ง
วรงค์ได้ยินก็หน้าเผือดจัด เขาอยากจะหักคอแม่สาวๆช่างนินทาพวกนี้เสียจริงๆ

ภูสันต์มองสิริมาที่มีท่าทางดูตื่นกลัวอยู่ ก็พยายามยิ้มเพื่อปลอบขวัญ
“ไม่เป็นไรนะ ลูกพ่อ” เขาพูดกับเธอเบาๆ
สิริมาได้แต่มองหน้าเขานิ่งอยู่
กรรชัยที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็หันมาพยักหน้าให้กับเกศราที่ยืนดูอยู่ข้างๆ หญิงสาวเข้าใจ จึงได้มาจับมือสิริมาพาเดินไปหาอะไรทานเล่น
“เรียบร้อยตามแผนนะครับ นายภู” กรรชัยเข้ามาพูดใกล้ๆให้ได้ยินกันแค่สองคน
“พวกนั้นมาหรือยัง?” ภูสันต์ถาม โดยวางสีหน้ายิ้มๆ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย
“มานานแล้วครับ แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ คงคิดจะรอจังหวะเหมาะๆ แล้วถึงจะมาเสนอหน้าให้คุณหนูเห็น”
“งั้นก็ช่างเถอะ ไงก็ให้เกศราคอยดูแล‘คุณหนู’ไปก็แล้วกัน เราสองคนยังต้องคอยออกรับแขกเหรื่อ” ภูสันต์บอก
“ครับ” กรรชัยพยักหน้า
แล้วเขาก็หันไปมองรอบๆ จนกระทั่งเห็นหญิงสาวในชุดสีดำตัดขาว
“นายภูครับ นั่นลูกสาวของนายพลมนูญ เขาเป็นคนที่มีอำนาจทางการทหาร และได้ยินว่ากำลังสนใจเล่นการเมืองอยู่ ถ้านายภูคิดจะหันมาเล่นการเมืองบ้าง ก็ควรจะตีสนิทไว้ดีกว่านะครับ”
ภูสันต์หันไปมองอย่างไม่ตั้งใจนัก เห็นหญิงสาวที่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่ เธอเองก็เหลียวมามองเขาพอดี
ภูสันต์จึงก้มศีรษะให้เธอ หญิงสาวก็เพียงแต่เลิกคิ้ว
“แล้วคนข้างๆนั่นล่ะ?” ชายหนุ่มสังเกตเห็นมีหญิงสาวที่มีอายุพอๆกันยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆเธอคนนั้น

home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป