home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
๓
ภูสันต์ออกมานั่งสูดอากาศข้างนอก เมื่อสาวใช้สองคนรีบวิ่งเข้ามาเกือบไล่ๆกัน
มีอะไร? ภูสันต์ถามอย่างสงสัย เพราะเห็นท่าทางดูรีบร้อน
คุณนายรจนา เพื่อนบ้านทางซ้ายเขาให้มาเรียนเชิญไปทานข้าวเย็นที่บ้านเย็นนี้ค่ะ สาวใช้คนหนึ่งตอบ
ภูสันต์หันไปมองอีกคน ซึ่งก็มีอาการเงอะงะ
คุณนายส้มจีบ ทางขวาก็เชิญมาเหมือนกันเลยค่ะ
ภูสันต์กรอกตา
บอกพวกเขาไปว่า ถ้าฉันแยกร่างได้ก็จะไป
แต่...
ไปตอบเขาตามนี้ ฉันมีอยู่แค่ร่างเดียว จะให้แบ่งภาคไปบ้านไหนได้กันล่ะ อีกอย่าง...ฉันตั้งใจจะพาภูริศาไปกินข้าวนอกบ้านด้วย เย็นนี้อาจกลับดึกก็ได้
สองสาวจึงได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าเถียง
ถ้าไม่รีบไป ฉันจะไม่ซื้ออะไรกลับมาให้ อยากจะอดข้าวเย็นก็ตามใจ
ทั้งคู่ได้ยินก็ตาลีตาเหลือกรีบจากไปโดยเร็ว
ภูสันต์ได้แต่ส่ายหน้าระอา เขาเพิ่งจะย้ายเข้าบ้านได้ไม่ทันชั่วโมง ก็ดันมีเรื่องปวดหัวเวียนเกล้าเสียแล้ว
ภูริศามีอาการดูตื่นตาตื่นใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มานั่งทานข้าวในร้านอาหารหรูหราในกรุงเทพ อาหารฝีมือที่เกศราทำมันก็อร่อยดี แต่การได้ทานข้าวนอกบ้านก็ทำให้รู้สึกสนุกไปอีกแบบ
เอาไว้วันหลังเรามานั่งกินข้าวแบบนี้กันอีกนะคะ คุณพ่อ ภูริศาบอกบิดาเสียงใส
ภูสันต์เห็นลูกสาวเบิกบาน ก็พลอยรู้สึกสบายใจไปด้วยอีกคน
ก็เอาซี แต่นานๆครั้งดีกว่านะ ชายหนุ่มบอก
ทำไมล่ะคะ? เด็กหญิงไม่เข้าใจ
ก็เดี๋ยวน้าเกศราจะน้อยใจ คิดว่าเราเห็นอาหารข้างนอกดีกว่ากับข้าวที่น้าเกศราทำน่ะซี
ภูริศาจึงหันไปมองใบหน้าของเกศราเพื่อดูว่าเธอเป็นอย่างที่บิดากล่าวหรือเปล่า
เกศราจึงยิ้มให้เธอเหมือนไม่ถือสา
ไม่เป็นไรค่ะ นานๆเราออกมาทานข้าวแบบนี้กันอีกก็ดีเหมือนกัน ถ้ามัวแต่อยู่บ้าน ก็ไม่ได้เห็นอะไรสิคะ
ภูริศาจึงยิ้มออกมา
น้าเกศรายังว่าแบบนั้น คุณพ่อแพ้แล้วค่ะ
ว้า นี่พ่อเป็นฝ่ายแพ้หรือเนี่ย? ภูสันต์แกล้งอุทาน
ทุกคนก็เลยพากันหัวเราะขำเขา
เออ...จริงสิ พ่อลืมบอกไป ตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป...พวกลูกทั้งหมดจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วนะ ภูสันต์บอกให้รู้ตัวไว้
โรงเรียนเป็นยังไงหรือคะ? ภูริศาถาม เพราะเธอยังไม่เคยไปโรงเรียนสักครั้ง
โรงเรียนเป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่เด็กๆ ที่นั่นก็จะมีเด็กๆเหมือนกับลูกอยู่เต็มไปหมดน่ะซี ภูสันต์ตอบ
ว้าว ลูกหนูอยากไปค่ะ ลูกหนูอยากเห็นโรงเรียน
แต่ถ้าลูกไป ลูกก็ต้องทำตัวให้เข้ากับทุกคน เป็นการทดสอบว่าลูกจะมีมนุษย์สัมพันธ์ดีแค่ไหน และถ้าลูกทำให้ทุกคนยอมรับได้ ลูกก็จะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า
เหมือนคุณพ่อใช่ไหมคะ? คอยควบคุมและสั่งการพวกลูกน้อง ภูริศาถาม
ก็ไม่เหมือนทีเดียว แต่คล้ายๆกัน
ภูริศาทำท่านิ่งคิด
ลูกหนูจะพยายามค่ะ เพราะลูกหนูอยากเก่งเหมือนกับคุณพ่อ
ภูสันต์พอใจมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้น
พ่อเชื่อว่าลูกหนูต้องทำได้แน่ ลูกสาวของนายภูก็ต้องเก่งเหมือนพ่อสิ
ภูริศาจึงยิ้มอย่างมาดมั่นในตัวเอง ทำให้ภูสันต์รู้สึกภูมิใจที่เธอดูเป็นเด็กฉลาดทันคน
เขาหันมาทางสานนท์ที่นั่งฟังอยู่
ส่วนเธอ สานนท์...อีกไม่กี่ปีเธอก็ต้องไปสอบเข้าเรียนชั้นมัธยม เมื่อก่อนเธอเคยแต่เรียนอยู่แต่ในโรงเรียนหัวเมือง ระดับวิชาของที่นี่มันยิ่งสูงกว่านั้น ฉันเกรงว่าเธอจะสู้คนอื่นไม่ได้ เพราะงั้นเธอจะต้องขยันอ่านตำรับตำราให้มาก ต้องตามเด็กคนอื่นๆในชั้นให้ทัน หวังว่าคงเข้าใจนะ
ครับ คุณลุง สานนท์ตอบอย่างสุภาพ
สุวัฒน์เองก็เหมือนกัน อีกหน่อยก็ต้องตามพี่ไปสอบแข่งขัน เพราะงั้นควรฟังไว้หน่อยนะ ภูสันต์หันไปบอกกับคนน้อง
ครับ สุว้ฒน์ตอบ
ภูสันต์ไม่ได้พูดกับสิริมา เพราะเด็กหญิงจะต้องเรียนชั้นเดียวกับลูกสาวของเขาอยู่แล้ว
ขอบคุณนายภูมากนะคะ ที่กรุณาช่วยเป็นธุระปะปังให้ลูกของฉันไปด้วย เกศรากล่าวอย่างซึ้งใจ
ภูสันต์หันมาทางเธอ และวางมือของตนเองข้างหนึ่งไว้บนหลังมือของเธอ
ไม่เป็นไร ลูกของเธอก็เหมือนลูกของฉันเองแหละ ฉันจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะไม่ให้เธอต้องเดือดร้อนแน่ๆ ภูสันต์บอก
เกศรายิ้มให้เขาด้วยนัยน์ตาหวาน ลืมตัวว่าอยู่ต่อหน้าพวกเด็กๆ
สานนท์ทำหน้านิ่ว สุวัฒน์จ้องมองภูสันต์อย่างโกรธจัด แต่กลับไม่มีใครยอมพูดอะไรสักคำ
ภูสันต์หันกลับมาเห็นทุกคนจ้องมองอยู่
เอ้า กินอิ่มหรือยัง? ถ้าอิ่มแล้ว เราจะได้เตรียมกลับบ้าน ชายหนุ่มบอกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เป็นยังไงบ้างครับ? วรงค์ถามยิ้มๆ
ชายกลางคนมองไปรอบๆสถานที่ เห็นการตกแต่งที่แลดูแปลกตาและต่างจากเดิมสิ้นเชิง ก็ทำท่าพอใจมาก
เยี่ยมครับ คุณวรงค์มีหัวทางนี้จริงๆ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าจะแต่งห้องได้ขนาดนี้หรือเปล่า ถ้าไงผมคงต้องเชิญคุณไปช่วยตกแต่งห้องนั่งเล่นที่บ้านผมบ้างแล้ว คุณจะว่าไงครับ?
ด้วยความยินดีเสมอครับ วรงค์ตอบอย่างนึกพอใจที่สามารถทำให้เขารู้สึกพึงพอใจได้ขนาดนี้
คนที่จ้างผมให้ช่วยดูแลจัดการเรื่องสถานที่ก็คงจะพอใจเหมือนกันแน่ ผมได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรื่องมาก และจู้จี้อยู่ไม่น้อย แต่แบบนี้เขาคงไม่กล้าบ่นให้ได้ยินแน่ พูดไปแล้วก็หัวเราะออกมา
จริงสิ ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง นี่เขาไม่คิดจะแวะมาดูสำนักงานใหม่ของตัวเองบ้างเลยหรือครับ? เขาไว้ใจคุณมากเชียวหรือ? วรงค์ดูสงสัยอยู่
อ๋อ ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก เผอิญเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ บ้านเขาอยู่ต่างจังหวัด จะเดินทางไปมาก็ไม่สะดวก เลยต้องจ้างคนนอกอย่างผมมาช่วยจัดการดูแลแทน เห็นว่าตอนนี้เขาคิดจะย้ายมาตั้งรกรากถิ่นฐานใหม่ในกรุงเทพ เลยคิดจะเปิดสำนักงานของตัวเองขึ้นมา ถึงได้จ้างผมเอาไว้ บอกตามตรง...ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่ผมได้รับแจ้งมาว่าเขาเพิ่งจะเดินทางมาถึงเช้านี้เอง คิดว่าอีกไม่นานคงจะได้เจอกันเสียที
แหม...ถ้างั้นสักวันผมอาจมีเกียรติ์ได้ต้อนรับเขาบ้าง ว่าแต่เขาชื่ออะไรหรือครับ? ผมยังไม่ทราบเลย วรงค์ถามด้วยความอยากรู้ เผื่อว่าลูกค้ารายนี้อาจกลายเป็นลูกค้าประจำก็ได้
เอ๊ะ? ผมยังไม่เคยบอกคุณเหรอ? ชายกลางคนดูจะแปลกใจอยู่
ยังครับ วรงค์จำต้องตอบ
งั้นผมก็ขอโทษด้วยที่ลืมบอกไป ลูกค้าผมคนนี้มีชื่อว่า ภูสันต์ โภคินเลิศทรัพย์ คุณเคยได้ยินชื่อของเขาหรือเปล่า เขารวยมากทีเดียวนะ และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ผมถึงได้เป็นห่วงอยู่ เพราะตอนนี้รัฐบาลมีมาตรการที่จะปราบปรามคนพวกนี้กันอยู่ เขาจะโดนเล่นงานเข้าเมื่อไหร่ไม่ทราบ ได้ยินว่าพวกตำรวจเองก็กำลังเพ่งเล็งเขาอยู่เหมือนกัน แต่คุณภูสันต์ก็ไม่ได้หยี่หระ เขาพูดใส่หน้าคนพวกนั้นเลยว่า ถ้าจะจับผู้มีอิทธิพลล่ะก็ ให้ไปจับท่านนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะท่านคือผู้มีอิทธิพลตัวจริงอันดับหนึ่งของประเทศ ชายกลางคนหัวเราะออกมา ท่าทางดูจะชอบใจกับความใจกล้าบ้าบิ่นของชายหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างมาก
วรงค์นิ่งขึงไป คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลมเช่นนี้
ครับ ผมเองก็เคยได้ยินชื่อของเขามาบ้างเหมือนกัน ได้ยินว่าตอนนี้เขาอยู่เป็นโสดใช่ไหมครับ? วรงค์พยายามถามด้วยน้ำเสียงฟังดูปรกติที่สุด
ครับ แต่ผมก็ได้ยินว่า เขาเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปหลังจากคลอดบุตร คุณภูสันต์ก็เลยมีลูกสาวอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น ทั้งรักทั้งหวงมากเชียวล่ะ ที่เขาไม่คิดจะแต่งงานใหม่ สงสัยว่าเขาจะยังลืมอดีตภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วไม่ได้ ช่างเป็นผู้ชายที่รักมั่นใจเดียวน่าเทิดทูนนะครับ
วรงค์พยายามซ่อนสีหน้าไม่พอใจมาก
แล้วบ้านใหม่ของคุณภูสันต์ในกรุงเทพฯนี่ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนครับ? เผื่อผมมีโอกาสจะได้แวะไปทักทายเขา
เอ...ผมไม่ทราบ เพราะส่วนใหญ่คุณภูสันต์จะเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง ตอนนี้เขาเองก็เพิ่งจะย้ายบ้าน อะไรๆก็คงจะยังไม่เรียบร้อยหรอกครับ ถ้าคุณไปตอนนี้ เขาก็คงจะไม่ว่างต้อนรับคุณ
ครับ ผมเข้าใจ งั้น...ไว้ผมจะส่งใบเรียกเก็บเงินมาให้ทีหลังนะครับ วันนี้ผมขอตัวกลับก่อน
ครับ โชคดีนะครับ
เช่นกันครับ
วรงค์รีบร้อนเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งจัด
รุ่งขึ้น ขณะที่ภูสันต์เตรียมจะออกจากบ้าน ก็มีแขกที่ไม่คาดฝันมาเยือนสองรายติดๆกัน ทั้งสองอ้างตัวเป็นเพื่อนบ้าน ก็เลยคิดอยากจะแวะมาเยี่ยมเยียนเขา
สองคุณนายเพื่อนบ้านข้างเคียงต่างก็พาลูกสาวของตัวมาแนะนำให้รู้จักด้วย เพราะทราบมาว่าชายหนุ่มเป็นโสด มีแต่ลูกสาววัยสี่ขวบเท่านั้น แต่ข้อนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหา
ข่าวว่าทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ ใครจะมองผ่านไปเฉยๆได้ สองคุณนายจึงไม่อยากเสียเวลาชักช้า ด้วยเกรงว่าจะถูกคู่แข่งชิงตัดหน้าไปได้เสียก่อน
โชคดีว่าบ้านอยู่ติดๆกัน จึงใช้เป็นข้ออ้างที่จะแวะเวียนไปมาหาสู่กันได้
ภูสันต์มองสองสาวที่อยู่ข้างหน้าอย่างอดนึกสนใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะทั้งคู่ต่างก็ดูสวยเซ็กซี่น่าดู คนนึงหน้าตาเป็นไทยแท้ แต่อีกคนหน้ากระเดียดไปทางลูกจีน
นี่ลูกสาวของดิฉันค่ะ ชื่อเล่นว่าลูกเจี๊ยบ ส่วนชื่อจริงคือดวงจินดา คุณนายรจนา เพื่อนบ้านทางซ้ายกล่าวแนะนำ
ดวงจินดาจึงยกมือไหว้เขาอย่างงดงามอ่อนช้อย แล้วก็ยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยสีหน้าดูชื่นชม เพราะชายหนุ่มดูสูงใหญ่และหล่อตรงสเป็ค
คนนี้ลูกสาวของดิฉันค่ะ คุณนายส้มจีบรีบแนะนำบ้าง ไม่ยอมให้น้อยหน้าเช่นกัน ชื่อจริงว่า สมฤทัย แต่คุณภูสันต์จะเรียกลูกเชื่อมก็ได้ค่ะ
ลูกเชื่อม เอ๊ย สมฤทัยก็รีบยกมือไหว้เขา แล้วทำท่าเอียงอายหน่อยๆ
หน้าตาเหมือนแม่ทั้งคู่นะครับ ภูสันต์วิจารณ์หน้าตาย
สองคุณนายต่างก็ตีหน้าเป๋อเหลอ เพราะไม่แน่ใจว่านั่นถือเป็นคำชมหรือเปล่า
ที่จริง...ผมก็อยากจะอยู่ต้อนรับหรอก แต่เผอิญผมได้นัดกับคนอื่นเอาไว้แล้ว คงจะต้องขอตัวก่อน เพราะไม่อยากจะได้ชื่อว่าเป็นคนไม่รักษาเวลา ถ้าไงคงต้องขอรบกวนคุณเกศราช่วยดูแลแขกแทนผมด้วย ถ้าพวกคุณนายอยากจะอยู่รอจนผมกลับมาก็ได้ แต่กว่าผมจะกลับมาก็ตอนเย็นนั่น หรือเย็นๆพวกคุณค่อยมาใหม่ก็ดีเหมือนกันนะ
สองคุณนายต่างมองหน้ากันเอง รู้สึกเหมือนกับโดนเขาไล่ทางอ้อมอย่างไรอยู่
ภูสันต์ก้มศีรษะให้ทุกคน และอดชำเลืองสองสาวยิ้มๆไม่ได้ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่รีรอ
คุณแม่คะ เมื่อกี้นี้คุณภูสันต์มองหนูอย่างสนใจด้วยล่ะค่ะ ดวงจินดารีบบอกมารดาอย่างดีเนื้ออยู่ไม่น้อย
สมฤทัยได้ยินก็เชิดหน้า
เขาก็มองฉันเหมือนกันย่ะ
สองสาวต่างสะบัดหน้าให้กัน
ภูริศามองหน้าสองสาวด้วยท่าทางดูสนใจอยู่ ดวงจินดาสังเกต ก็รีบเข้าไปเพื่อประจบเอาใจ
หนูใช่ไหมจ๊ะ? ที่เป็นลูกสาวของคุณภูสันต์ งั้นต่อไปเราก็มาเป็นเพื่อนกันนะ ดวงจินดารีบพูด
สมฤทัยเห็น ก็รู้ตัวว่าพลาดไปสนิท จึงได้แต่ทำหน้าง้ำงอที่ตัวเองพลาดทำคะแนนไม่ทัน
แต่ภูริศากลับเมินหน้าใส่ ทำเอาหญิงสาวดูแปลกใจ
คุณหนู อย่าเสียมรรยาทแบบนั้นสิคะ เกศรารีบพูดกับเธอโดยเร็ว
ทำไมต้องมีมรรยาทด้วย? คุณพ่อเคยบอกกับลูกหนูว่า จะไม่แต่งงานใหม่อย่างเด็ดขาด จะไม่ให้ใครมารังแกลูกหนูได้ ถึงคุณพ่อจะมีผู้หญิงเข้ามาสักกี่คน แต่จะไม่มีใครมีสิทธิ์จะมาทำวางก้ามเป็นแม่เลี้ยงได้เด็ดขาด สองคนนี้ก็คงเหมือนกันแหละ อย่างดีก็เป็นได้แค่อีตัวของคุณพ่อเท่านั้น แล้วทำไมลูกหนูถึงต้องยอมอ่อนข้อให้กับบรรดาอีหนูของคุณพ่อด้วย?
ทุกคนทำหน้าตกใจที่ได้ยินเด็กหญิงพูด
คุณหนู! เกศราทำเสียงตำหนิ
เธอเองก็เหมือนกันแหละ เห็นฉันยอมเข้าหน่อย ก็อย่าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์จะมาทำเสียงดังกับฉันนะ คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอแอบเข้าห้องคุณพ่อบ่อยๆรึไง
เกศราหน้าเผือดไปถนัด
อย่ามาว่าแม่ของฉันนะ สิริมารีบผลักเด็กหญิง
อย่า! สานนท์รีบจับตัวน้องสาว เพราะทราบว่าการทำร้ายลูกสาวนายจ้างจะมีผลอย่างไร
กล้าผลักฉันเหรอ? นังตัวดี ฉันจะฟ้องคุณพ่อ ไล่พวกเธอสี่แม่ลูกออกจากบ้าน
แล้วภูริศาก็รีบวิ่งหนีกลับขึ้นชั้นบน
ภูสันต์กลับมาเห็นลูกสาวไม่ยอมออกจากห้อง เขารู้สึกเป็นห่วง จึงได้ไปเคาะประตูเรียก
ลูกหนู เปิดประตูให้พ่อเข้าไปหน่อยเถอะ
เด็กหญิงรีบมาเปิดประตู
คุณพ่อ ภูริศากอดเขา แล้วร้องไห้ออกมา
เป็นอะไรไป? มีใครรังแกลูกหนูรึไง?
ภูสันต์อุ้มร่างของเธอ แล้วพาไปนั่งลงบนเตียง
คุณพ่อต้องไล่สี่คนแม่ลูกนั่นออกไปนะคะ ยายสิริมามันกล้าผลักลูกหนู ภูริศาบอกกับเขา
ภูสันต์ถึงกับนิ่งอึ้ง
แล้วทำไมเขาถึงผลักเราล่ะ? ปรกติก็เห็นเป็นเพื่อนกันดีๆไม่ใช่เหรอ?
ก็ยายเกศราอยากมาทำขึ้นเสียงกับลูกหนู ลูกหนูเลยว่าเขาเรื่องที่เขาแอบเข้าห้องคุณพ่อแทบทุกคืน
ภูสันต์ถึงกับนิ่งเงียบกริบไป
เกศรากล้าขึ้นเสียงกับลูกจริงๆหรือ? ปรกติพ่อก็เห็นเขาออกจะเจียมเนื้อเจียมตัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ลูกหนูอย่าคิดโกหกพ่อนะ
ภูริศาอึกอัก
ก็ลูกหนูหมั่นไส้ผู้หญิงสองคนนั้น คิดจะมาตามตื๊อคุณพ่อ ลูกหนูก็เลยสั่งสอนพวกเขาให้รู้สำนึกว่า ถ้าจะมาเป็นเมียคุณพ่อ ก็ต้องเชื่อฟังลูกหนูด้วย แล้วทีนี้...
เอาล่ะ พ่อพอเข้าใจแล้ว แต่พ่อก็เคยบอกลูกหนูแล้วนี่ ว่าพ่อจะไม่แต่งงานใหม่ เพราะงั้นลูกหนูจะต้องกลัวใครอีก ลูกหนูทำแบบนั้นกับแขกที่มาบ้าน มันไม่ค่อยสวยเลยนะ ดูเหมือนคนไม่มีกิริยามรรยาทที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน คนอื่นเขาจะว่าพ่อเอาได้ ลูกหนูอยากให้คนอื่นคิดว่า พ่อสอนลูกให้เป็นอันธพาลหัวไม้รึไง
ภูริศามีอาการสำนึกเสียใจขึ้นมา เธอไม่เคยคิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนั้น
เอาน่า อย่าคิดมากไปเลย พ่อเองก็ไม่ดี ที่ไม่เคยบอกลูกหนูเรื่องนี้ ส่วนเกศรา...พ่อจะทำโทษโดยหักเงินเดือน แค่นี้ลูกหนูคงพอใจนะ
แล้วสิริมาล่ะคะ? ภูริศาถาม
สิริมายังเด็กพอๆกับลูก ยังไม่รู้จักคิด คงไม่รู้หรอกว่า ถ้าหือกับลูกนายจ้างแล้วจะเป็นไง เขาก็แค่อยากจะปกป้องแม่ไปตามประสาเด็กๆ เป็นลูกเอง ถ้ามีคนว่าพ่อแบบนั้น ลูกจะโกรธหรือเปล่า
ภูริศาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ยกโทษให้สิริมาไปเถอะนะ ลูกกับเขาก็หัวอกเดียวกัน คนนึงขาดพ่อ อีกคนก็ขาดแม่ พ่อถึงคิดว่าพวกลูกสองคนน่าจะเข้ากันได้ดี ถึงได้ให้เขามาอยู่กับลูกหนู เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันได้ การมีพรรคพวกมันดีกว่าไม่มีใครเลยนะ
เด็กหญิงทำท่าเข้าใจ
ก็ได้ค่ะ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ถ้ายายนั่นกล้าผลักลูกหนูอีกล่ะก็ คุณพ่อต้องจัดการให้ลูกหนูด้วย
ได้สิ แต่พ่อคิดว่าเขาคงไม่กล้าอีกแล้วล่ะ
ภูริศาได้ฟังก็รู้สึกพอใจมาก
ทีนี้ ลงไปทานข้าวข้างล่างได้หรือยังจ๊ะ? เจ้าหญิงน้อยคนเก่ง
ภูริศารู้สึกพอใจมากที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงน้อย จึงยอมตามบิดาลงไป
"ผมเกลียดบ้านนี้
เกศราหันมามองลูกชายคนรองอย่างแปลกใจมาก
ทำไมล่ะ? บ้านหลังนี้ก็ใหญ่โตโอ่อ่า พวกเราก็อยู่กันอย่างสุขสบายดี ทำไมลูกถึงไม่ชอบบ้านนี้? เธอถามอย่างไม่เข้าใจ
ผมไม่ได้เกลียดที่ตัวบ้าน แต่ผมเกลียดคนในบ้านนี้ต่างหาก สุวัฒน์ตอบกลับอย่างรุนแรงไม่น้อย
เกศรายิ่งไม่เข้าใจ
ลูกเป็นอะไรไป? ทำไมถึงต้องเกลียดคนอื่น? ทุกคนไม่ดีต่อลูกหรือไง?
ทุกคนก็ดีต่อผมอยู่หรอก แต่เราต้องอยู่อย่างคนใช้เขาเท่านั้น แถมทุกคืน...แม่ก็ต้องคอยไปปรนนิบัติรับใช้ผู้ชายคนนั้นอีก เขาเห็นแม่เป็นเครื่องสนองอารมณ์ใคร่เท่านั้น แต่แม่ก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ ไปนั่งทำตาหวานใส่เขาต่อหน้าลูกๆอีก ไม่นึกละอายผีสาง ก็น่าจะคิดถึงวิญญาณคุณพ่อบ้างสิ น่าเกลียดที่สุด
เกศราหน้าซีดเล็กน้อย
นี่มันเรื่องส่วนตัวของแม่ เธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเด็กชาย
เช้านี้แม่ก็โดนนังคุณหนูนั่นด่าเจ็บแสบ ว่าแม่เป็นอีตัว แม่ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆหรือ? สุวัฒน์ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะไม่คิดมากอะไรเลย
พอที อย่าพูดถึงเรื่องนี้ได้มั้ย?
นังเด็กอวดดีนั่น จริงๆมันไม่ใช่ลูกของคุณลุงภูสันต์เสียหน่อย แม่ก็รู้ มันเป็นลูกติดของชู้เมียเก่าต่างหาก
หยุดพูดนะ! ถ้าแกยังขืนพูดอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะตบแกให้ฟันร่วงหมดปาก
เกศราตวาดด้วยความโกรธจัด ทำให้เด็กชายได้แต่นิ่งเงียบกริบไป เขาไม่เคยเห็นมารดาโกรธมากขนาดนี้มาก่อน
โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว ภูริศาที่ยืนฟังอยู่ใต้หน้าต่างห้องนั้นเอง ก็รีบวิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
ภูสันต์ไม่เห็นลูกสาวออกมาทานข้าวเช้า ก็อดนึกเป็นห่วงไม่ได้ เพราะคิดว่าเด็กหญิงอาจไม่สบายขึ้นมาก็ได้
เขาจึงรีบไปดูเธอที่ห้อง เขาพยายามเคาะประตูเท่าไหร่ แต่เด็กหญิงก็ไม่ยอมมาเปิดประตู สุดท้ายเขาจึงต้องไปนำกุญแจมาไขเข้าไป
ภูริศานอนซุกอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่ม ภูสันต์จึงเข้าไปนั่งลงข้างๆ และใช้มือแตะหน้าผากเธอ
นี่ลูกไม่สบายหรือ? ไปหาหมอมั้ย? ภูสันต์ถามขึ้นอย่างห่วงใย
แต่ภูริศาส่ายหน้า
ปล่อยให้ลูกหนูตายไปเถอะ คุณพ่อไม่ต้องสนใจก็ได้ ไงๆลูกหนูก็ไม่ใช่ลูกคุณพ่อ
ภูสันต์เบิกตากว้าง เขาไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกล้าเอาเรื่องนี้มาบอกเด็กหญิงเช่นนี้ เขาต้องระงับความโกรธไว้เต็มที่
พูดอะไรเหลวไหล ลูกหนูเป็นลูกของพ่อต่างหาก เป็นลูกสาวคนเดียวที่พ่อรักมากที่สุด ใครมาเป่าหูอะไรลูก บอกมาสิ พ่อจะจัดการไล่มันออกเอง
จริงนะคะ ลูกหนูเป็นลูกของคุณพ่อจริงๆ เด็กหญิงหันตัวไปกอดเขา แล้วร้องไห้ออกมา
ก็จริงน่ะสิ ลูกเป็นลูกสาวของนายภู เป็นที่รักของพ่อดังแก้วตาดวงใจ พ่อยอมควักหัวใจตัวเองออกมากองแทบเท้าให้ลูกก็ยังได้ ในโลกนี้ไม่มีใครรักลูกมากไปกว่าพ่ออีกแล้ว เพราะงั้นลูกหนูห้ามสงสัยเป็นอันขาดว่า ลูกหนูไม่ใช่ลูกพ่อ คนอื่นที่เขาพูดแบบนั้นน่ะ เขาทำเพราะไม่ได้หวังดีต่อเรา เพราะงั้นลูกอย่าไปเชื่อพวกเขาเด็ดขาด เข้าใจนะ?
ภูริศาพยักหน้า ทำท่าเข้าใจที่บิดาพูด
ค่ะ ลูกหนูเชื่อพ่อ ต่อไปนี้ลูกหนูก็จะเชื่อฟังแต่คุณพ่อคนเดียว และจะไม่ดื้อ เป็นเด็กดีในโอวาท ลูกหนูยอมให้คุณพ่อมีผู้หญิงกี่คนก็ได้ แต่คุณพ่อต้องสัญญาว่าจะต้องรักลูกหนูมากที่สุด ห้ามรักคนอื่นมากกว่าลูกหนู ต่อให้แต่งงานใหม่ คุณพ่อก็ต้องรักลูกหนูมากกว่าใคร
แน่นอนอยู่แล้ว พ่อรักลูกหนูมากที่สุด จะไม่มีใครเหนือกว่าลูกหนูแน่ๆจ้ะ ภูสันต์รีบพูดอย่างเอาใจ
ภูริศากอดบิดาแน่น ทำท่าถอนสะอื้นน้อยๆ
ภูสันต์กอดเด็กหญิง พยายามเฝ้าปลอบประโลมจนเธอเริ่มสงบใจลงไปได้
ภูสันต์เรียกลูกน้องทุกคนมาคาดคั้นเอาความ ว่าใครที่กล้าบังอาจไปเล่าความจริงให้ภูริศาฟัง แต่ทุกคนก็บ่ายเบียงว่าตนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
ภูสันต์ไม่เคยคิดจะถามเกศราเรื่องนี้ เพราะเชื่อแน่ว่าจะต้องไม่ใช่ฝีมือเธอ เขาเชื่อว่าจะต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในลูกน้องของเขาแน่
แต่ทุกคนก็ไม่มีใครยอมรับ ชายหนุ่มจึงรู้สึกหัวเสียมาก เขาประกาศว่าถ้าจับตัวได้ จะเฆี่ยนให้หลังลายทีเดียว แล้วจะจับแขวนประจานด้วย
ทุกคนต่างมีท่าทางดูกลัวเขามาก แต่ไม่มีใครกล้าเถียงเขาแม้แต่คำเดียว
เกศราเองก็พลอยรู้สึกกลัวเขาไปด้วย เธอไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
home ย้อนกลับ อ่านหน้าต่อไป
|